WORLDWIDE

อินเดียกระตุ้นดีมานด์รถยนต์ไฟฟ้า เตรียมลดภาษีเงินได้ผู้บริโภค
POSTED ON 30/07/2562


 

 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อินเดีย เพิ่งเสนองบประมาณอินเดียฉบับใหม่ ระบุ รัฐบาลเตรียมลดภาษีเงินได้เพิ่มเติม 150,000 รูปี ให้กับผู้ที่ต้องจ่ายดอกเบี้ย ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ตลอดระยะเวลากู้ยืม ผู้ซื้อจะได้ประโยชน์รวมราว 250,000 รูปี

ปุณีต คุปตะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่าย คาดการณ์ตลาดรถยนต์ บริษัทไอเอชเอส มาร์กิต เผยกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า รัฐบาลกำลังพยายามสร้างดีมานด์ และ กระตุ้นดีมานด์ ซึ่งจะช่วยเหลือผู้ผลิตได้ หลังจากโอดครวญมานานว่า ความต้องการ มีไม่มากพอจึงไม่สามารถผลิตยานยนต์ พลังงานไฟฟ้าจำนวนมากขึ้นได้ "ผมคิดว่าหากจะเริ่มต้องเริ่มที่ดีมานด์ก่อน ตอนนี้เลย เพราะแต่ละปียอดขายรถยนต์ไฟฟ้า มีไม่ถึง 2,000 คัน" นักวิเคราะห์กล่าวและว่า ปัจจุบันอินเดียมีรถขนาดเล็ก ทั้งรถยนต์ รถเอสยูวี และรถบรรทุกเล็กราว 4 ล้านคน รถไฟฟ้าไม่ได้ตั้งเป้าขายในตลาดใหญ่ แค่ขาย เฉพาะลูกค้าบางกลุ่มเท่านั้น

นอกจากนี้รัฐบาลยังลดภาษีรถยนต์ไฟฟ้า เมื่อเทียบกับรถยนต์เชื้อเพลิงสันดาป เช่น รถเอสยูวีที่ใช้น้ำมันต้องเสียภาษีสินค้า และบริการ (จีเอสที) 28% และเก็บภาษี เพิ่มเติมอีกราว 20% รถยนต์ไฟฟ้าซึ่งเดิมทีเก็บภาษีจีเอสที 12% ราคาขายเฉลี่ยในอินเดียอยู่ที่ 1.3 ล้านรูปี ต่อคัน รัฐบาลตั้งใจจะลดภาษีลงเหลือ 5% การที่รัฐบาลนิวเดลีตั้งใจผลักดัน รถยนต์ไฟฟ้าเป็นอย่างมาก ส่วนหนึ่ง เป็นเพราะต้องการลดมลพิษในเมืองใหญ่ ของประเทศที่ทะลุถึงระดับอันตราย อีกทั้ง ลดการพึ่งพาน้ำมัน โดยอินเดียถือเป็น ประเทศนำเข้าน้ำมันสุทธิ จึงต้องเสียเงิน ไปกับการนำเข้าจำนวนมหาศาล ในช่วงที่ ราคาน้ำมันดิบอยู่ในช่วงขาขึ้น

ถ้ามองตลาดรถยนต์ไฟฟ้าโลกตอนนี้ กำลังอยู่ในช่วงขยายตัว มีประเทศอย่างจีน สหรัฐ และบางประเทศในสหภาพยุโรป เป็นหัวหอก รายงานฉบับหนึ่งของสำนักงานพลังงาน ระหว่างประเทศ (ไออีเอ) เผยแพร่เมื่อ เดือน พ.ค. ระบุว่า เมื่อปี 2561 รถยนต์ไฟฟ้า ทั่วโลกทะลุหลัก 5.1 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 2 ล้านคันจากปี 2560 ยอดขายเพิ่มขึ้น เกือบ 2 เท่า จีนยังคงเป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ใหญ่สุดของโลก และคาดว่าจีนจะครองส่วนแบ่ง ตลาดยนต์ไฟฟ้าถึง 57% ภายในปี 2573 ในส่วนของอินเดียนั้นคงต้องรออีกนาน กว่ารถประเภทนี้จะครองตลาดในประเทศได้นักวิเคราะห์รายเดิมคาดการณ์ว่า ภายในปี 2573 รถยนต์ไฟฟ้าจะครอง สัดส่วน 4% ในตลาดรถยนต์อินเดีย ถ้าคิดเป็นจำนวนก็เกือบ 400,000 คัน

แต่อินเดียยังต้องเจออุปสรรค อีกมากให้ต้องฟันฝ่า เช่น สร้าง สถานีชาร์จ ปรับปรุงเทคโนโลยี สิ่งที่รัฐบาลทำไปแล้วคือทำโครงการ ผลิตและใช้รถยนต์ไฟฟ้า เฟส 2 ที่รัฐบาลทุ่มงบประมาณ 1 แสนล้านรูปี ระยะเวลา 3 ปี เพื่อให้แรงจูงใจแก่ ผู้ซื้อ รวมถึงสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ที่จำเป็น

"เราไม่ได้กำลังพูดถึงตลาด รถยนต์ไฟฟ้าที่ 20% 30% หรือ 50% ตอนนี้แค่พูดถึงการเริ่มต้นให้ตลาด มีสัดส่วนของรถยนต์ไฟฟ้าอยู่บ้าง เท่านั้น และถ้าชาวอินเดียตกลงใจเมื่อไหร่ ทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก" นักวิเคราะห์กล่าวอย่างเชื่อมั่น