ข่าวยานยนต์ - รถตู้โฟล์คสวาเกน แบบแคมเปอร์รุ่น "คอมบิ" (Kombi) หลากสีหลากสไตล์นับร้อยคัน ถูกนำมาจอดเรียงกันบริเวณลานจอดรถของโรงงานโฟล์คสวาเกน ในเมืองเซา เบอร์นาโด โด แคมโป ของบราซิล เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพื่อเปิดโอกาสให้เจ้าของ และผู้ชื่นชอบรถรุ่นนี้ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และแชร์ประสบการณ์ร่วมกัน ก่อนที่มันจะกลายเป็นเพียงรถในตำนานรุ่นหนึ่งในอนาคตอันใกล้

โรงงานโฟล์คสวาเกนแห่งนี้ นับเป็นสถานที่สุดท้ายของโลกที่ยังคงผลิตรถตู้รุ่น"คอมบิ" ออกสู่ท้องตลาด แต่นับจากวันที่ 20 ธันวาคม 2556 เป็นต้นไป โรงงานดังกล่าวจะยุติสายพานการผลิตรถรุ่นนี้ หลังจากทำหน้าที่นี้มานานเกือบ 60 ปี

ผู้บริหารของโฟล์คสวาเกน เปิดเผยว่า สาเหตุที่ทำให้โรงงานต้องยุติการผลิตรถตู้คลาสสิครุ่นดังกล่าว มาจากปัญหาในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะกฎระเบียบใหม่เกี่ยวกับการติดตั้งถุงลมนิรภัย และระบบเบรคเอบีเอส ที่รัฐบาลบราซิลจะเริ่มนำมาบังคับใช้ในปีหน้า

ปัจจุบัน โฟล์คสวาเกนพยายามคงรูปทรงของรถตู้รุ่น"คอมบิ" ไว้แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากดีไซน์ในยุคแรกเริ่มที่ออกวางขายเมื่อ 60 ปีก่อน โดยเน้นพัฒนาปรับปรุงเฉพาะเครื่องยนต์ภายใน ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบด้านความปลอดภัยของบราซิล จึงทำให้บริษัทไม่สามารถคงรูปทรง และดีไซน์เดิมของรถตู้รุ่นนี้ไว้ได้อีกต่อไป

รถโฟล์คฯ ตู้ รุ่น "คอมบิ" มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Type 2 เนื่องจากเป็นรถรุ่นที่สองของบริษัทโฟล์คสวาเกน ที่ผลิตออกมาภายหลังการผลิตรถโฟล์คฯเต่าคลาสสิครุ่น "บีทเทิล" หรือที่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Type 1 โดยรถโฟล์คฯทั้งสองรุ่น ถือเป็นยนตรกรรมที่ทำให้บริษัทโฟล์คสวาเกน ของเยอรมนี กลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก และเป็นสัญลักษณ์ของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของเยอรมนีอย่างน่าอัศจรรย์ ภายหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง

นอกจากนี้ ด้วยความเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ ที่มีราคาประหยัด ทำให้รถทั้งสองรุ่นเป็นที่นิยมในหมู่ฮิปปี้หรือผู้ชื่นชอบความอิสระเสรี ในยุคซิกซ์ตีส์ และเซเว่นตีส์ จนกระทั่งกลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของขบวนการบุปผาชนยุคดังกล่าวในเวลาต่อมา

แผนปิดตัวโรงงานผลิตรถตู้รุ่นคอมบิแห่งสุดท้ายครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากโฟล์คสวาเกน ตัดสินใจยุติการผลิตรถโฟล์คฯเต่าคลาสสิครุ่นบีทเทิลไปแล้วเมื่อ 10 ปีก่อน ดังนั้น การปิดตัวลงของโรงงานรถตู้โฟล์คสวาเกนในบราซิลล่าสุด จึงถือเป็นการปิดตำนานยานพาหนะขวัญใจผู้รักวัฒนธรรมฮิปปี้ลงอย่างสิ้นเชิง

ที่มา : VoiceTV