VEHICLES

วอลโว่ เร่งพัฒนารถยนต์ขับได้เอง เล็งทดสอบจริงในปี 2560
POSTED ON 06/03/2558


 

ยานยนต์อุตสาหกรรม - เมื่อเร็วๆ นี้ วอลโว่ คาร์ ที่สวีเดน ได้นำเสนอเทคโนโลยีหนึ่งเดียวที่ทำให้รถยนต์สามารถขับเคลื่อนได้เองบนถนนจริง โดยที่ผู้ขับขี่ไม่ต้องบังคับรถ นี่คือโครงการ "Drive Me" ของวอลโว่ ซึ่งกำลังย่างเข้าสู่ปีที่ 2 ด้วยเป้าหมายที่จะทำให้รถขับเคลื่อนเองได้ราวกับนักขับผู้ชำนาญ

 

ทั้งนี้ วอลโว่กำลังเตรียมการผลิตรถ 100 คัน เพื่อให้ผู้ใช้รถในเมืองโกเทนเบิร์ก สวีเดน เป็นผู้ทดสอบภายในปี 2560 โดยการทดสอบในครั้งนี้เป็นการประสานความร่วมมือกับภาคราชการหลายหน่วยงาน ทั้งฝ่ายผู้ออกกฎหมายจราจร กรมการขนส่งทางบก และสำนักว่าการนครโกเทนเบิร์ก เพื่อนำไปสู่การเดินทางที่ยั่งยืนและปราศจากการเฉี่ยวชนในอนาคต

 

วอลโว่ได้ออกแบบระบบรถขับเองได้ที่มีประสิทธิภาพสูง ด้วยการวิเคราะห์ความน่าจะเป็นของข้อผิดพลาดในสถานการณ์ต่างๆ อย่างรอบด้าน โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงของระบบตรวจจับความเคลื่อนไหว การตั้งพิกัดด้วยระบบคลาวด์ ระบบเบรคอันชาญฉลาด และเทคโนโลยีชั้นสูงในการบังคับทิศทางรถยนต์

 

 

ดร.ปีเตอร์ เมอร์เท่น รองประธานอาวุโสฝ่ายวิจัยและพัฒนา วอลโว่ คาร์ กรุ๊ป กล่าวว่า "พวกเรากำลังก้าวเข้าสู่โลกที่ยังไม่มีใครเดินทางไปถึง เทคโนโลยีรถขับเองได้จะเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเคยรู้จักเกี่ยวกับการเดินทางในอนาคต เราจะสามารถเลือกได้ว่าต้องการขับรถหรือให้รถขับเคลื่อนให้เรานั่ง สิ่งนี้จะเปลี่ยนเวลาที่สูญไปให้เป็นเวลาที่เราใช้ประโยชน์ได้ ไม่ว่าจะเพื่อทำงานหรือเพื่อรับความบันเทิง"

 

ระบบ "ออโตไพล็อต" ของวอลโว่ถูกออกแบบให้เชื่อถือได้ เพื่อให้รถยนต์สามารถเข้าควบคุมทุกสถานการณ์ของการขับขี่เมื่อถูกสั่งการด้วยระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ เทคโนโลยีของวอลโว่ถูกพัฒนาให้ก้าวไปสู่ขั้นที่เตรียมรับมือกับข้อผิดพลาดและเหตุฉุกเฉินได้ โดยใช้หลักการเดียวกับอุตสาหกรรมเครื่องบิน คือระบบสำรองจะเข้าทำงานแทนที่ในทันที หากบางสิ่งในระบบออโตไพล็อตไม่ทำงาน

 

ด้าน ดร.เอริค โคลีน ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคของวอลโว่ คาร์ กล่าวว่า "เป็นเรื่องง่ายในการสร้างและสาธิตรถต้นแบบที่ขับเคลื่อนเองได้ แต่ถ้าต้องการสร้างความแตกต่างในชีวิตจริงแล้ว คุณจะต้องออกแบบและผลิตระบบของรถที่ทั้งปลอดภัย และเชื่อถือได้ ในราคาที่ผู้ใช้รถสามารถซื้อหาเป็นเจ้าของได้ด้วย"

 

"เมื่ออยู่บนท้องถนน เทคโนโลยีที่สมบูรณ์จะสามารถทำงานได้ดีแม้อยู่ในสถานการณ์ที่ซับซ้อน เริ่มจากการขับขี่บนถนนโล่ง ไปจนถึงการจราจรหนาแน่น ติดขัด และเหตุฉุกเฉิน" ดร.โคลีน กล่าว "รถจะต้องมีความสามารถระดับเดียวกับผู้ขับขี่ที่เปี่ยมประสบการณ์ในการอ่านสถานการณ์และตอบสนองอย่างถูกต้อง ทั้งนี้ หากเกิดเหตุฉุกเฉินชนิดฉับพลันทันที รถจะมีประสิทธิภาพในการตอบสนองเร็วกว่ามนุษย์ และในกรณีที่ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติไม่สามารถทำงานได้ ไม่ว่าจะเป็นจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย การทำงานผิดปกติของรถยนต์ หรือสุดเส้นทางถนน ระบบจะแจ้งให้ผู้ขับขี่เตรียมรับช่วงต่อ หากผู้ขับขี่ไม่สามารถรับช่วงได้ รถจะขับเคลื่อนตัวเองไปหยุดในที่ปลอดภัย"

 

นอกเหนือจากการช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น รถขับเองได้ยังส่งผลดีกับสิ่งแวดล้อมอีกทางหนึ่งด้วย โดยวอลโว่เชื่อว่าระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติสามารถช่วยประหยัดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้ เทคโนโลยีนี้จะช่วยให้บริหารการจราจรได้ดีขึ้น รวมทั้งเปิดโอกาสให้สามารถจัดการงานผังเมืองและวางแผนโครงสร้างงานสาธารณูปโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

"การคิดค้นและบริหารจัดการเทคโนโลยีของรถขับเองได้เป็นก้าวสำคัญของวอลโว่ เมื่อการทดสอบเริ่มขึ้น เราจะได้รับข้อมูลอันเป็นประโยชน์มากมายจากการจราจรในชีวิตจริง และช่วยให้เราเห็นแนวทางที่ชัดเจนขึ้นในการช่วยขับเคลื่อนชีวิตบนท้องถนนอย่างยั่งยืน รถยนต์อันชาญฉลาดเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของภารกิจนี้ แต่การเชื่อมโยงมิติด้านสังคมเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน การร่วมมือดังกล่าวคือกุญแจแห่งความสำเร็จในการพัฒนารถขับเองได้” ดร.โคลีน กล่าว