VEHICLES

Apple และ Google ประกาศชัดเตรียมผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเป็นของตัวเอง
POSTED ON 11/03/2558


ยานยนต์อุตสาหกรรม - สำนักข่าวอินโฟเควสท์ รายงานเมื่อสัปดาห์ทีผ่านมาว่า "นายทิม คุก" ซีอีโอของแอปเปิ้ลได้อนุมัติโครงการรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทฯ ที่มีชื่อว่า "Apple iCar" รุ่น Titan ไปเมื่อปีที่แล้ว และมอบหมายให้ "นายสตีฟ ซาเดสกี" รองประธานของแอปเปิ้ล และอดีตวิศวกรโครงการจากบริษัทฟอร์ด เข้ามาดูแลโครงการดังกล่าวอย่างเต็มตัว

 

นอกจากนี้ แอปเปิ้ลยังระดมทีมผู้เชี่ยวชาญในแวดวงวิศวกรรมยานยนต์อีกหลายร้อยคนมาร่วมผลักดันโครงการนี้ ไม่ว่าจะเป็น นายโจฮานน์ จังเวิร์ธ อดีตหัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนาของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประจำภูมิภาคอเมริกาเหนือ ที่มาร่วมงานกับแอปเปิ้ลในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมระบบ Mac โดยนายจังเวิร์ธมีความเชี่ยวชาญด้านการสร้างรถยนต์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และการขับเคลื่อนอัตโนมัติเป็นอย่างดี นอกจากนี้ แอปเปิ้ลยังได้รวบรวมทีมงานระดับผู้บริหารและวิศวกรจากบริษัทรถยนต์หลายแห่ง รวมถึงดึงตัวพนักงานจำนวนมากจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำอย่างเทสล่า (Tesla) มาร่วมโครงการด้วย โดยแอปเปิ้ลคาดการณ์ว่าจะสามารถเริ่มการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้ภายในปี 2563

 

ขณะที่ในแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ต่างคาดการณ์กันว่า "แอปเปิ้ล" และ "กูเกิ้ล" จะกลายมาเป็นคู่แข่งกันเอง ทั้งๆ ที่เคยตัดสินใจเป็นพันธมิตรกันแล้ว เนื่องจากทั้ง 2 บริษัทฯ ต่างก็มีแผนที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเช่นเดียวกัน แถมยังอยู่ในเวลาที่ไล่เลี่ยกันอีกด้วย โดยในเดือน ม.ค.2558 ที่ผ่านมา ทางด้านกูเกิ้ลได้ออกมาประกาศย้ำว่า จะผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตนเองให้แล้วเสร็จภายใน 5 ปี ซึ่งกูเกิ้ลได้พัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตัวเองมาตั้งแต่ปี 2553 แต่ทั้งนี้หลายฝ่ายยังคงมองว่าโดยทั่วไปหากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ต้องการจะผลิตรถยนต์สักรุ่นต้องใช้เวลาในการพัฒนาอย่างน้อย 5-7 ปี แค่เฉพาะขั้นตอนการทดสอบเพื่อขออนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมายก็ใช้เวลาถึง 3 ปีแล้ว ดังนั้น จึงต้องมาดูกันว่ากูเกิ้ลจะสามารถทำตามเจตนารมณ์ที่ประกาศไว้ได้จริงหรือไม่

 

นอกจากนี้ เมื่อปีที่แล้วผู้ผลิตรถยนต์หลายค่ายต่างร่วมกันลงนามเป็นสหพันธ์รถยนต์แบบเปิดของกูเกิล (Open Automotive Alliance) เพื่อร่วมกันพัฒนาระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์มาใช้ในรถยนต์ภายในปี 2563 โดยมูลค่าตลาดรถยนต์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอาจทะยานขึ้นสูงถึง 1.7 แสนล้านยูโร หรือประมาณ 1.9 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว จากที่ในปัจจุบันมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 3 หมื่นล้านยูโรเท่านั้น

 

ขณะที่ทางด้านแอปเปิ้ลเองนั้นก็ได้เร่งพัฒนาและออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อปูทางสู่ตลาดรถยนต์อัจฉริยะ ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความสนใจอย่างมากในวงการยานยนต์ คือ ระบบ CarPlay ที่ใช้งานบน iOS โดยวิธีการใช้งานก็เพียงแค่เชื่อมต่อ iPhone เข้ากับรถยนต์ที่รองรับระบบ CarPlay หลังจากนั้นหน้าจอแสดงผลในรถก็จะเปลี่ยนจากเมนูการใช้งานปกติเป็นเมนูควบคุมของ CarPlay ซึ่งสามารถสั่งการผ่านเสียงและการสัมผัสได้ โดยความสามารถพื้นฐานของระบบ CarPlay ได้แก่ การใช้รับโทรศัพท์, ส่งข้อความ, ฟังเพลง, แผนที่นำทาง พร้อมใช้งานร่วมกับแอพพลิเคชั่นอื่นๆ อีกมากมาย

 

รถยนต์ที่รองรับระบบดังกล่าวมีให้เลือกหลากหลายค่าย อาทิ Ferrari, Mercedes-Benz, BMW, Ford, Honda, Toyota, Nissan และค่ายดังอื่นๆ อีกมากมาย แต่ระบบ CarPlay จะใช้ได้เฉพาะกับ iPhone 5, iPhone 5c, iPhone 5s และรุ่นใหม่ๆ ในอนาคตเท่านั้น

 

นักวิเคราะห์คาดกันว่า แอปเปิลจะนำระบบ CarPlay มาใช้กับรถยนต์ไฟฟ้า iCar ในอนาคต แม้ว่าขณะนี้แอปเปิ้ลจะยังไม่ออกมาเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับโครงการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของตนเองมากนัก แต่ทั่วโลกกลับให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ถึงขั้นคาดการณ์กันไปต่างๆ นานาว่า รถยนต์ไฟฟ้าที่แอปเปิ้ลผลิตน่าจะมีลักษณะเหมือนรถตู้ขนาดเล็กมากกว่ารถยนต์โดยสาร แต่จนถึงตอนนี้ทางแอปเปิ้ลเองก็ไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลใดๆ ออกมา

  

ส่วนคู่แข่งสำคัญอย่าง "เทสล่า" และ "เจนเนอรัล มอเตอร์ส" (จีเอ็ม) ที่วางแผนจะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าภายในปี 2560 เช่นกันนั้น ได้ออกมาระบุว่า รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ของบริษัทฯ จะสามารถวิ่งได้ไกลกว่า 200 ไมล์ ในราคาไม่ถึง 40,000 ดอลลาร์ หรือราว 1.2 ล้านบาท