VEHICLES

BMW ชี้ ยอดขายบิ๊กไบค์โต เล็งเพิ่มกำลังการผลิต
POSTED ON 15/01/2558


ยานยนต์อุตสาหกรรม - นายมาร์กุส กลาเวอร์ ผู้จัดการทั่วไป บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ ว่า หลังจากบริษัทฯ ได้ผลิตรถจักรยานยนต์บีเอ็มดับเบิลยูมอเตอร์ราดในไทย จากการผลิตรถจักรยานยนต์บิ๊กไบก์ในประเทศคือ รุ่น F800R ที่เริ่มผลิตในเดือน มิ.ย. 2557 ที่ผ่านมา และรุ่น F800GS ที่เริ่มผลิตในเดือน ส.ค.2557 ที่ผ่านมา และมียอดจองที่ได้รับกระแสตอบรับดี ทำให้บริษัทฯ มีความสนใจที่จะเพิ่มกำลังการผลิต จากเดิมที่ผลิตเพื่อตลาดในประเทศและส่งออกไปมาเลเซียเท่านั้น

 

ขณะที่ในปี 2558 จะขยายตลาดส่งออกในอาเซียนเพิ่มเติม ซึ่งโรงงานนั้นมีความสามารถในการผลิตที่ยืดหยุ่นได้ตามความต้องการของลูกค้า และโรงงานแห่งนี้ยังไม่ได้จำกัดขนาดซีซีเครื่องยนต์ของรถที่จะนำมาผลิตด้วย ทั้งนี้ จากการที่ผู้ผลิตหลายค่ายเริ่มตั้งโรงงานผลิตในประเทศ บริษัทฯ มองว่าถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับลูกค้าในประเทศไทย และเป็นโอกาสดีที่บริษัทฯ ได้เห็นถึงทิศทางความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์เซ็กเมนต์เครื่องยนต์ 500 ซีซีขึ้นไปที่เห็นการเติบโตชัดเจน

 

จากทิศทางของตลาดที่เติบโตนั้น บริษัทฯ ยังได้ขยายช่องทางการขายรองรับ จากเดิมที่มี 6 เอาต์เลต แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 3 แห่ง และต่างจังหวัด 3 แห่ง ในปีนี้ก็จะมีการเพิ่มจำนวนเอาต์เลตมากยิ่งขึ้น คาดว่าในปี 2558 นี้จะมีการขยายเพิ่มขึ้นกว่า 4 แห่ง คือ พระราม 2 ที่เป็นโชว์รูมแบบเอ็กซ์คลูซีฟ, แจ้งวัฒนะ, พัทยา และโคราช ซึ่งจะเปิดควบคู่ไปกับโชว์รูมรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู

 

สำหรับยอดขายของบีเอ็มดับเบิลยูมอเตอร์ราดนั้น ในปี 2556 มียอดขายรวมทั่วโลกที่ 150,000 คัน ส่วนในประเทศไทยยอดขาย 10 เดือนแรกของปี 2556 นั้นอยู่ที่ 400 คัน ขณะที่ในปี 2557 เพิ่มขึ้นเป็น 470 คันในช่วงเวลาเดียวกัน เป็นการเติบโตตัวเลข 2 หลักที่ถือว่าน่าพึงพอใจ

 

ส่วนในแง่ของการแข่งขันของตลาดที่มีผู้เล่นเพิ่มขึ้นจนผู้ผลิตบางรายมองว่าตลาดอาจจะมีการแข่งขันด้านราคาหรือแคมเปญส่งเสริมการขายนั้น บริษัทฯ มีบีเอ็มดับเบิลยู ไฟแนนเชียล ลีสซิ่ง ที่คอยสนับสนุนสินค้าภายใต้บีเอ็มดับเบิลยูกรุ๊ปทุกแบรนด์อยู่แล้ว และมองว่าการจัดแคมเปญส่งเสริมการขายที่ทำอยู่นั้นมีความเหมาะสมกับสภาพตลาดและกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ประกอบกับราคาสินค้าที่ผลิตในประเทศก็ลดลงมาค่อนข้างมาก จากเดิมที่นำเข้าราคาราว 7 แสนบาท เมื่อมีการผลิตในประเทศก็เริ่มต้นที่ 4 แสนบาทเท่านั้น

 

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ