VEHICLES

FPI ตั้งบริษัทร่วมทุนในเอกวาดอร์ หวังขยายฐานผลิตอะไหล่รถ
POSTED ON 21/10/2557


ยานยนต์อุตสาหกรรม - นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ FPI เปิดเผยว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างการร่างสัญญาการร่วมทุนกับบริษัทผู้นำเข้ารถยนต์รายใหญ่ในประเทศเอกวาดอร์ ซึ่งครองส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) 60% จากปริมาณการผลิตรถยนต์ 100,000 คันต่อปี โดยเบื้องต้นมูลค่าการลงทุนจะอยู่ที่ 2 ล้านดอลลาร์ เพื่อใช้ลงทุนซื้อแม่พิมพ์และเครื่องจักร ขณะที่ในส่วนของโรงงานที่ใช้ในการผลิตคาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในช่วงปลายปีนี้ และคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 1/2558 และสามารถดำเนินการผลิตได้ทันที

 

“เราได้มีโอกาสเจอกับผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับหนึ่งในเอกวาดอร์ ที่ครองส่วนแบ่งตลาด (Market Share) กว่า 60% ของยอดผลิตรถยนต์เฉลี่ย 1 แสนคันต่อปี ซึ่งหากมีการเซ็นสัญญาร่วมลงทุนกันแล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน จะช่วยผลักดันรายได้ในปีหน้าเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และรัฐบาลของเอกวาดอร์เองก็มีการส่งเสริมการใช้สินค้าภายในประเทศ (Local Content)” นายสมพลกล่าว

 

สำหรับรูปแบบของการร่วมลงทุนระหว่าง FPI กับผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ในเอกวาดอร์จะเป็นไปในลักษณะพันธมิตรร่วมลงทุน (Partner Ship) โดยฝ่ายไทยจะถือหุ้นในสัดส่วน 45% ฝ่ายเอกวาดอร์ถือในสัดส่วน 55%

 

การร่วมลงทุนในครั้งนี้จะทำให้ FPI ขยายฐานลูกค้าในเอกวาดอร์ได้มากขึ้น ซึ่งหากเป็นไปตามแผนจะทำให้ยอดการผลิตอะไหล่เพิ่มขึ้นอย่างมาก เพราะพันธมิตรร่วมทุนครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 60% และเป็นเบอร์ 1 ในเอกวาดอร์ ขณะเดียวกันยังช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้า (Logistic) และยังได้รับสิทธิพิเศษในการยกเว้นภาษีจากรัฐบาลอีกด้วย

 

นอกจากนี้ ยังเป็นเป็นโอกาสที่จะใช้ฐานผลิตในประเทศเอกวาดอร์ เพื่อส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่มีสนธิสัญญา ANDREAN REGION โดยไม่มีภาษีนำเข้าระหว่างกันในประเทศเปรู โคลัมเบีย โบลีเวีย ซึ่งทั้ง 4 ประเทศดังกล่าว ยังไม่มีโรงงานผู้ผลิตชิ้นส่วนพลาสติกรายใหญ่ในประเทศ ดังนั้น การตั้งฐานการผลิตในเอกวาดอร์จะเป็นการยึดตลาดผู้ผลิตรถยนต์ในทั้ง 4 ประเทศซึ่งหากบริษัทฯ มีการเซ็นต์สัญญากับกระทรวงอุตสาหกรรมในประเทศเอกวาดอร์ ทางรัฐบาลฯ จะยกเว้นค่าน้ำค่าไฟพร้อมทั้งสิทธิประโยชน์อีกมากมาย

 

"สำหรับแผนการดำเนินงานของ FPI ในปี 2557 บริษัทฯ จะมุ่งเน้นขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะที่สหรัฐอเมริกา เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพและกำไรขั้นต้นสูง ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลกำไรบริษัทมากขึ้น โดยขณะนี้เริ่มมีออเดอร์เข้ามาบ้างแล้วจากบรรดาบริษัทชั้นนำ โดยก่อนหน้านี้ FPI ได้ลงทุนแม่พิมพ์ชิ้นส่วนรถยนต์จากค่ายญี่ปุ่น และเกาหลี ซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลัก ทั้งนี้ หากมีออเดอร์ใหม่เข้ามาจากสหรัฐอเมริกา จะต้องมีการลงทุนเพิ่มในส่วนของแม่พิมพ์ โดยใช้เงินส่วนหนึ่งจากการออกหุ้นกู้แปลงสภาพจำนวน 250 ล้านบาท ซึ่งในช่วงแรกจะดำเนินการในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากเป็นตลาดใหม่ที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง" นายสมพล กล่าว

 

ปัจจุบัน บริษัทฯ มีออเดอร์ในมือในส่วนของการรับจ้างผลิตให้กับลูกค้า (OEM) ประมาณ 300 ล้านบาท ส่วนการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ อะไหล่ทดแทน (REM) มีประประมาณ 150 ล้านบาทต่อเดือน โดยในปีนี้บริษัทฯ สามารถเพิ่มลูกค้าใหม่ได้อีก 3 ประเทศ ทำให้จำนวนลูกค้าเพิ่มเป็น 122 ประเทศ