VEHICLES

ผู้ผลิตรถใหญ่ เชื่อ ปีหน้าตลาดรถบรรทุกฟื้น
POSTED ON 23/09/2557


ข่าวยานยนต์ - ช่วงปี 2555-2556 ตลาดรถบรรทุกคึกคักเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีปัจจัยบวกหลายอย่าง ทั้งตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เติบโต รวมไปถึงการคาดหวังของผู้ประกอบการเกี่ยวกับโครงการลงทุนภาครัฐ โดยปี 2555 ตลาดรวมทำได้ 38,000 คัน ส่วนปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 40,000 คัน แม้ว่าเมื่อเข้าสู่ช่วงครึ่งปีหลัง 2556 ทิศทางตลาดรถบรรทุกก็ไม่ดีนัก แต่เป็นเพราะช่วงครึ่งปีแรกสามารถสะสมยอดขายไว้ได้มาก ด้วยอัตราเติบโต 40%

 

การที่ช่วงครึ่งปีหลังปีที่แล้ว ตลาดเริ่มเข้าสู่ภาวะถดถอย เป็นผลมาจากเศรษฐกิจชะลอตัว และธุรกิจบางอย่างที่ซบเซาลงไป เช่น สินค้าอุปโภคบริโภค ยานยนต์ การนำเข้า-ส่งออก ทำให้ความต้องการใช้รถในการขนส่งลดน้อยลงตามไปด้วย ขณะที่โครงการภาครัฐ ทั้งการบริหารจัดการน้ำก็ไม่เห็นผลเป็นรูปธรรม ส่วนโครงการลงทุนสาธารณูปโภคพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทก็ไม่เกิดขึ้น แต่ยังได้แรงส่งจากรถที่ใช้สำหรับอุตสาหกรรมก่อสร้าง เช่น รถดั๊มพ์ รถมิกเซอร์

 

การขยายตัวของตลาดในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวในตลาด ทั้งการขยายการลงทุน การเข้ามาของค่ายรถรายใหม่จำนวนมาก โดยเฉพาะค่ายรถจากจีนหลากหลายยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็น ไซโน ทรัค, ซีเอเอ็มซี, โฟตอน, เอฟเอดับบลิว, ดายุน, ดีเอฟ, แชคแมน หรือว่า ไบเบน เป็นต้น ขณะที่ทการนำเข้ารถบรรทุกจีนบางยี่ห้ออาจจะมีผู้ทำตลาดมากกว่า 1 ราย และมีทั้งการนำเข้าโดยผู้ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการขนส่งเอง หรือนำเข้ามาจำหน่าย

 

จุดขายที่ทำให้รถจีนสามารถสร้างยอดจำหน่ายได้ไม่น้อย มาจาก 2 เหตุผลหลักคือ ราคาที่ถูกกว่ารถญี่ปุ่น และอีกจุดหนึ่งก็คือ การอาศัยช่องว่างในช่วงที่ตลาดมีความต้องการสูง แต่รถญี่ปุ่นส่งมอบได้ล่าช้า แต่รถจีนสามารถส่งมอบได้ทันที ทำให้ผู้ประกอบการขนส่งที่ไม่สามารถรอรถได้ ตัดสินใจซื้อรถจีนมากขึ้น

 

แหล่งข่าวในวงการรถบรรทุกกล่าวว่า ด้วยจุดขายดังกล่าว ทำให้วันนี้รถจีนเริ่มประสบปัญหา จากการที่เศรษฐกิจชะลอตัว ตลาดรถบรรทุกลดลงจุดขายคือความเร็วในการส่งมอบไม่มีความจำเป็น

 

ทั้งนี้ ในช่วง ม.ค.-ส.ค.2557 ที่ผ่านมา ตลาดรถบรรทุกมียอด 1.4 หมื่นคัน ลดลง 50% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว และคาดว่าปีนี้ยอดรวมไม่น่าจะเกิน 25,000 คัน อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการหลายค่ายยังคงเชื่อมั่นในอนาคตอย่างปี 2558 ซึ่งเชื่อว่าเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว มีการลงทุนภาครัฐ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่เป็นรูปเป็นร่าง จะทำให้ตลาดกลับมายืนในระดับ 40,000 คันได้อีกครั้ง

 

นอกจากนี้ ยังมองถึงโอกาสที่จะได้จากการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนแบบเต็มตัว ซึ่งจะทำให้เกิดการค้าขาย ขนส่ง และเดินทางระหว่างกันมากขึ้น ซึ่งก็จะผลักดันให้ตลาดรถบรรทุก รถโดยสารขยายตัวเช่นกัน ทำให้ช่วงนี้แม้ตลาดจะหดตัวรุนแรง แต่ก็มีการลงทุนเพิ่ม รวมไปถึงการเข้ามาเปิดตลาดของค่ายใหม่ๆ ด้วยเช่นกัน

 

ค่ายที่ขยับตัวขยายงานชัดเจน เช่น "วอลโว่" ซึ่งเป็นรถในตลาดบน ซึ่งยังมีสถานการณ์การตลาดที่ดี โดยเฉพาะลูกค้าที่เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เหมืองแร่ในประเทศเพื่อนบ้าน เป็นต้น และเมื่อมองถึงโอกาสจากเออีซี วอลโว่ ก็เดินหน้าขยายโชว์รูมและศูนย์บริการรองรับเส้นทางขนส่งทั้งเหนือ-ใต้ และ ตะวันออก-ตะวันตก ขณะที่ท "สแกนเนีย" ซึ่งเป็นรถในตลาดบนเช่นกันก็พยายามขยายตลาด ด้วยการเข้าไปสู่รถกิจกรรมพิเศษมากขึ้น เช่น รถดับเพลิง เป็นต้น

 

และล่าสุดค่ายรถจากอิตาลี "ไอวีโก้" ก็ตัดสินใจเข้ามาเปิดตลาดในไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมกับตั้งเป้าการขายในปีนี้ 200 คัน ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 800 คันในปีหน้า

 

นายสุขสมเกียรติ เสือกลิ่นศักดิ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เอส.เอส. เค.กรุ๊ป เซลส์แอนด์เซอร์วิส จำกัด ผู้แทนจำหน่าย ไอวีโก้ กล่าวว่า การมั่นใจว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าหมาย จะใช้จุดขายความเป็นรถยุโรป แต่ราคาระดับรถญี่ปุ่น มี 4 รุ่น คือเครื่องยนต์ดีเซล 290 แรงม้า 360 แรงม้า 380 แรงม้า และ 420 แรงม้า ส่วนปีหน้าการตั้งเป้า 800 คัน จะมาจากการขยายตลาดไปสู่เครื่องยนต์ ซีเอ็นจี ซึ่งเชื่อว่าจะทำยอดขายได้ 400 คัน

 

ไอวีโก้ เป็นรถจากอิตาลี คู่แข่งจึงเป็นค่ายยุโรปด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นวอลโว่ และสแกนเนีย ส่วนราคาจำหน่ายนั้นจะเทียบเท่ากับค่ายญี่ปุ่น คือประมาณ 3 ล้านบาท และยังมีการรับประกันหลังการขาย 2 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ส่วนแนวทางการตลาดและส่งเสริมการขายนั้น นายสุขสมเกียรติเผยว่า จะมีทั้งการเร่งขยายตัวแทนจำหน่ายให้ได้ 10 แห่งทั่วประเทศภายในปีหน้า การจัดกิจกรรมอบรมผู้ขับขี่ให้ขับประหยัด เป็นต้น

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ