ข่าวยานยนต์ (Automotive News) - กลุ่มพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัยของสหรัฐฯ กำลังตรวจสอบอุบัติเหตุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต ซึ่งเกิดจากความบกพร่องของสวิตช์สตาร์ทรถของบริษัท เจเนอรัล มอเตอร์ส หรือ จีเอ็ม ส่งผลให้ถุงลมนิรภัยไม่ทำงาน

ขณะนี้จีเอ็มกำลังถูกสอบสวนหลายเรื่องจากทางการสหรัฐฯ เนื่องจากบริษัทฯ ดำเนินการล้าช้าเกินไปกับข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นกับสวิตช์สตาร์ทรถซึ่งเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุ 31 ครั้ง และมีผู้เสียชีวิต 12 ราย จากผู้ขับรถเชฟโรเลต โคบอลท์ ที่ผลิตในปี 2548-2550 และรุ่นแซทเทิร์น ไอออน ที่ผลิตในช่วงปี 2546-2550

ทั้งนี้ มีรายงานว่าได้ตรวจพบปัญหาที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2544 แต่จีเอ็มรอคอยอยู่นานถึงเพิ่งเรียกคืนรถ 2 ช่วง รวม 1.62 ล้านคันที่จำหน่ายในอเมริกาเหนือเมื่อเดือนที่แล้ว และอีก 2 ปีต่อมา ช่างเทคนิคพบปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้ขับรถจีเอ็มหลายคนที่ขณะขับอยู่เครื่องยนต์ดับลงกลางคันซึ่งมาจากกุญแจรถที่มีน้ำหนักมากเคลื่อนออกจากตำแหน่งสตาร์ท เมื่อเครื่องยนต์ดับทำให้ระบบไฟฟ้าของรถดับไปด้วย ส่งผลให้ถุงลมนิรภัยไม่ทำงานเมื่อเกิดอุบัติเหตุ

ศูนย์ความปลอดภัยรถยนต์ (ซีเอเอส) มอบหมายให้บริษัท ไฟรด์แมน รีเสิร์ช คอร์โปเรชั่น ตรวจสอบกรณีถุงลมนิรภัยของรถยนต์จีเอ็มไม่ทำงานในช่วงปี 2546-2555 และวิจารณ์เจ้าหน้าที่ทางการที่ไม่ยอมตรวจสอบความบกพร่องที่เกิดขึ้นกับถุงลมนิรภัยและสวิตช์สตาร์ท

ส่วนสำนักงานบริหารความปลอดภัยบนท้องถนน (เอ็นเอชทีเอสเอ) โดย นายคลาเรนซ์ ดิทโลว์ ผอ.ฝ่ายบริหาร ชี้แจงว่า ที่ไม่สอบสวนเพราะไม่เห็นแนวโน้มความบกพร่องที่เกิดขึ้นกับรถจีเอ็ม ส่วนทางจีเอ็มออกมาย้ำว่าทางเอ็นเอชทีเอสเอตรวจสอบเฉพาะข้อมูลดิบของอุบัติเหตุที่มีคนเสียชีวิตเท่านั้น และบอกว่าหากปราศจากการวิเคราะห์ที่แม่นยำก็จะเป็นเพียงการคาดคะเนเพื่อให้เกิดข้อสรุปที่มีความหมาย และบริษัทพิสูจน์ให้เห็นโดยเรียกคืนรถจำนวนมากแล้ว ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสวิตช์สตาร์ทรถกำลังดำเนินการอยู่

จากความบกพร่องที่เกิดขึ้นกับสวิตช์สตาร์ทรถทำให้จีเอ็มจะต้องเสียค่าปรับ 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นกับรถของจีเอ็ม รัฐสภาสหรัฐตั้งคณะกรรมาธิการ 2 คณะ รวมทั้งกระทรวงยุติธรรมกำลังตรวจบสอบเรื่องนี้อยู่

ที่มา : ไทยโพสต์