TECHNOLOGY

ฉลากและบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะแห่งยุคอุตสาหกรรม 4.0
POSTED ON 06/08/2561


Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics

 

 

ท่ามกลางกระแสอุตสาหกรรม 4.0 เทคโนโลยีที่ถูกพูดถึงกันมากที่สุดเทคโนโลยีหนึ่ง คงหนีไม่พ้น Industrial Internet of Things หรือ IIoT ซึ่งถูกนำมาใช้มากขึ้นในปัจจุบัน เพื่อพัฒนาระบบอัตโนมัติที่สำหรับใช้ควบคุมการผลิตแบบแยกส่วน หรือ Discrete Manufacturing ซึ่งมีเป้าหมายที่จะช่วยลดต้นทุนให้กับผู้ผลิต โดยทำให้การสำรองสินค้าคงคลังและการใช้พลังงานภายในโรงงานลดลง ในขณะที่การควบคุมการผลิตและคุณภาพของสินค้ากลับมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น รวมถึงโรงงานผู้ผลิตยังได้รับข้อมูลเชิงลึกที่ได้จากการวิเคราะห์ขั้นตอนการทำงานต่าง ๆ เพื่อนำไปปรับปรุง พัฒนา ทั้งด้านการผลิตบรรจุภัณฑ์และสินค้าใหม่ในอนาคต

 

ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดก็คืออุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ที่ไม่ใช่เพียงผู้ผลิตเท่านั้นแต่ผู้บริโภคเองก็ได้รับประโยชน์ จาก IIoT เช่นเดียวกัน โดยการนำ IIoT มาปรับใช้กับฉลากและบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะ ซึ่งโรงงานผู้ผลิตสามารถบันทึกข้อมูลสำคัญต่าง ๆ เกี่ยวกับสินค้าลงไปในฉลากหรือบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะได้ รวมถึงยังสามารถติดตามตรวจสอบสินค้าระหว่างการขนส่งไปจนถึงมือผู้บริโภค โดยผ่านเทคโนโลยีการตรวจรับข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดของวัตถุดิบ ข้อมูลอายุการใช้งานและการเก็บรักษา สารที่อาจก่อให้เกิดภูมิแพ้ วันหมดอายุ หรือข้อมูลอัพเดทอื่น ๆ ที่สำคัญ ทำให้ฉลากอัจฉริยะกลายเป็นเครื่องมือป้องกันการปลอมแปลงสินค้า ปัญหาการปนเปื้อนสินค้า การขโมยสินค้า ทั้งยังเป็นตัวช่วยยืดอายุสินค้า ให้กับวงการอาหารและบรรจุภัณฑ์อีกด้วย

 

ฉลากและบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะ จึงเป็นฟันเฟืองสำคัญในกลไกการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งการเกิดขึ้นของฉลากและบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะ เราต้องยกเครดิตให้กับการปฏิวัติการพิมพ์ระบบดิจิทัลที่ถูกขับเคลื่อนด้วยพัฒนาการของเทคโนโลยีการพิมพ์และความต้องการของตลาด จนถึงวันนี้เครื่องพิมพ์ระบบดิจิทัลได้ก้าวหน้าไปมาก สามารถรองรับงานพิมพ์ได้อย่างไม่มีข้อจำกัด และรองรับความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย ทั้งในเรื่องกระบวนการพิมพ์ที่ใช้เวลาน้อยที่สุด เครื่องพิมพ์ที่สามารถใช้กับงานเฉพาะทาง การส่งมอบสินค้าแบบ Just In Time และยังมีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย  โดยฉลากที่พิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์ระบบดิจิทัลในปัจจุบันมีคุณภาพสูง ต้นทุนต่ำ พิมพ์ได้บนวัสดุหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นกระดาษ โพลีไวนิล หรือฟอยล์ ยิ่งไปกว่านั้น เครื่องพิมพ์ระบบดิจิทัลยังสามารถผลิตฉลากสำหรับสินค้าทุกประเภท รวมถึงฉลากชิงค์สลีฟ (Shrink sleeves) สำหรับบรรจุภัณฑ์ประเภทขวด กล่องกระดาษแข็ง ป้ายแท็กสินค้า ป้ายติดชั้นวางสินค้า เป็นต้น

 

ในระบบซัพพลายเชนในปัจจุบัน บรรจุภัณฑ์ที่มีฉลากพิมพ์ด้วยระบบดิจิทัล สามารถสร้างประโยชน์ให้กับเจ้าของแบรนด์ได้มากกว่าการเป็นแค่เครื่องมือสร้างความแตกต่างให้กับสินค้าท่ามกลางแบรนด์คู่แข่ง อาทิเช่น เมื่อแบรนด์ขนมขบเคี้ยวต้องการสร้างภาพลักษณ์สินค้าใหม่ ทีมพัฒนาสินค้าจะใช้เครื่องพิมพ์ระบบดิจิทัล พิมพ์ฉลากต้นแบบแต่ละรสชาติบนฟอยล์ แล้วนำไปขึ้นรูปเป็นถุง และใส่สินค้าจริงก่อนนำไปขายในร้านค้า เพื่อทดลองตลาดก่อน ซึ่งการทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายได้มาก แต่ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับทีมงานที่รับผิดชอบการในการเสริมสร้างภาพลักษณ์ของสินค้าอีกด้วย

 

ในปี 2551 บริษัท โคคา โคล่า อิสราเอล ได้ใช้เครื่องพิมพ์ระบบดิจิทัลมาสร้างความฮือฮาในแคมเปญ Refresh Your Sprite โดยเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการออกแบบฉลากกระป๋องสไปรท์ของตัวเอง ซึ่งแคมเปญนี้ได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้น โดยมีดีไซน์ฉลากส่งเข้ามายังเว็บไซต์ของแคมเปญมากกว่า 1 แสนแบบ

 

นอกจากนี้ บรรจุภัณฑ์อัจฉริยะยังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการป้องกันการปลอมแปลงสินค้า โดยใช้ร่วมกับระบบการตรวจสอบหมายเลขกำกับอันชาญฉลาด โดยระบบจะติดตามสถานะการขนส่งสินค้า การตรวจสอบทะเบียนประวัติและระเบียบข้อกำหนดทางอิเล็กทรอนิกส์ การตรวจรับรองสินค้าและการตรวจพิสูจน์หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อป้องกันการปลอมแปลง ซึ่งเครื่องพิมพ์ระบบดิจิทัลถูกนำมาใช้ตั้งแต่การพิมพ์งานแบบง่าย ๆ ต้นทุนไม่สูงนัก อย่างบาร์โค้ด คิวอาร์โค้ด และแถบสีที่ใช้เสริมหรือแทนเทคโนโลยี RFID ในขณะที่หลายโรงงานผู้ผลิตเลือกที่จะพิมพ์ภาพหรือเนื้อหาประกอบสินค้าลงไปในบรรจุภัณฑ์ด้วย

 

ในแวดวงอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ไวน์ คือสินค้าที่ประสบปัญหาการปลอมแปลงอย่างมาก ทำให้ผู้ผลิตเสียชื่อเสียงและเสียความสัมพันธ์กับลูกค้า ผู้ผลิตไวน์เกรดพรีเมียมอย่าง Grand Vin ของฝรั่งเศสจึงป้องกันปัญหานี้ด้วยการใช้ฉลากอัจฉริยะ ที่ไม่เพียงแต่จะมีข้อมูลต้นกำเนิดสินค้าที่เป็นรหัสข้อมูลลับ ข้อมูลย้อน กลับถึงขั้นตอนการบรรจุไวน์ลงขวด รหัสโลจิสติกส์เฉพาะที่ทำให้ผู้เกี่ยวข้องสามารถตรวจสอบไวน์แต่ละขวดได้ แต่ยังรวมไปถึงขั้นตอนการขนส่ง ข้อมูลเพิ่มเติมในรูปแบบตัวอักษรขนาดเล็กที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า จึงยากมากที่จะลอกเลียนแบบ นอกจากนี้ ยังมีรหัส CRM ซึ่งเป็นรหัสที่สุ่มสร้างขึ้นมาให้มีเอกลักษณ์เฉพาะ เพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยและช่วยบริหารงานลูกค้าสัมพันธ์อีกด้วย

 

ฉลากอัจฉริยะที่พิมพ์ด้วยระบบดิจิทัล คือการรับประกัน 100% ว่าสินค้าเป็นของแท้ สามารถตรวจสอบ ย้อนกลับไปยังที่มาของสินค้านั้นได้ นับว่าเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้บริโภคว่าสินค้าเป็นของแท้และเป็นของที่มีคุณภาพ แถมฉลากเหล่านี้ยังสร้างโอกาสให้แบรนด์ได้ใกล้ชิดกับผู้ซื้อสินค้าเพื่อปูทางสู่การเพิ่มยอดขายในอนาคตได้อีก

 

ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอปสันได้ร่วมกับโรงงานผลิตหลายรายจัดทำโซลูชั่น RFID ฉลากสีที่ใช้ในการใส่รหัสสี เพื่อแยกแยะสินค้าในคลังสินค้าให้ง่ายขึ้น สะดวกกว่าการต้องอ่านข้อมูลจากบาร์โค้ด ทั้งนี้ ข้อมูลที่เข้ารหัสไว้ในฉลาก RFID จะทำหน้าที่ระบุตัวชิ้นสินค้า ตรวจสอบสถานะการขนส่ง บริหารการจัดสินค้าคงคลังและยังช่วยป้องกันการปลอมแปลงสินค้าได้ด้วย โดยปัจจุบันเอปสันมีเครื่องพิมพ์ที่เหมาะกับงานพิมพ์ฉลากที่รองรับตั้งแต่ธุรกิจขนาดเล็กไปยังธุรกิจโรงพิมพ์ขนาดใหญ่ อาทิ Epson Color Works เหมาะกับธุรกิจ SME หรือ OTOP ที่มีปริมาณงานพิมพ์น้อย และ Epson SurePress เหมาะกับงานบรรจุภัณฑ์หรือแพ็คเกจจิ้งจำนวนมาก โดยผู้ประกอบการสามารถเลือกกลุ่มและรุ่นสินค้าให้เหมาะกับขนาดธุรกิจของตนเอง  

 

ก้าวต่อไปสำหรับบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มยุคอุตสาหกรรม 4.0 คือการบูรณาการตัวบรรจุภัณฑ์เข้ากับเทคโนโลยี IIoT โดยสมบูรณ์ ซึ่งจะช่วยเชื่อมโยงระบบซัพพลายเชนทั้งหมด ตั้งแต่ผู้ผลิต ผู้ขนส่ง ผู้ค้าปลีก ไปจนถึงผู้ให้บริการอาหารและเครื่องดื่มเข้าด้วยกัน ทุกฝ่ายสามารถติดตามตรวจสอบ คุณภาพอาหารได้ตลอดทุกขั้นตอน ข้อมูลอัพเดทต่าง ๆ สามารถส่งถึงและบันทึกลงในบรรจุภัณฑ์หรือฉลากอัจฉริยะ เมื่อสแกนบรรจุภัณฑ์หรือฉลากด้วยอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับซอฟท์แวร์วิเคราะห์ข้อมูลผ่านระบบคลาวด์ ก็จะทราบข้อมูลที่จำเป็นต่าง ๆ ซึ่งสามารถนำให้ปรับปรุงธุรกิจและช่วยสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภคได้อีกด้วย

 

แน่นอนว่าบรรจุภัณฑ์แบบดั้งเดิมยังคงช่วยสร้างความโดดเด่นให้กับแบรนด์สินค้าอาหารและเครื่องดื่มต่าง ๆ ได้ แต่บรรจุภัณฑ์อัจฉริยะคือมาตรฐานใหม่ที่ให้ทั้งความสะดวก สบาย คุ้มค่า และอเนกประสงค์ เพิ่มขึ้นจากการใช้เครื่องพิมพ์ระบบดิจิทัล ซึ่งเป็นเทรนด์ใหม่ที่ทำให้เกิดการช็อปปิ้งแบบอินเตอร์แอ็คทีฟ และทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และผู้บริโภคเหนียวแน่นยิ่งขึ้นกว่าที่เคย