TECHNOLOGY

เอปสัน เปิดตัวเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทคุณภาพสูง มุ่งตอบโจทย์งานสิ่งพิมพ์ระดับอุตสาหกรรม
POSTED ON 22/06/2561


Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics

 

 

จากนโยบายของภาครัฐที่สนับสนุนให้เกิดผู้ประกอบการใหม่ รวมถึงส่งเสริมให้มีการผลิตสินค้าเพื่อจำหน่ายและส่งออกโดยใช้ฐานการผลิตภายในประเทศ พร้อมทั้งผลักดันสินค้า OTOP ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ ทำให้งานสิ่งพิมพ์อย่างฉลาก ป้ายสินค้า รวมถึงแพ็คเกจจิ้งต่าง ๆ ได้กลายเป็นส่วนประกอบสำคัญ เพื่อใช้ดึงดูดและส่งเสริมภาพลักษณ์ของสินค้าให้ดูโดดเด่นและน่าสนใจมากยิ่งขึ้น โดยหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยรังสรรค์ให้สิ่งพิมพ์ออกมาดูดีและสวยงาม นอกจากการออกแบบที่ดีแล้ว เครื่องพิมพ์และระบบการพิมพ์ที่ดีก็ถือว่ามีส่วนสำคัญไม่น้อย  

 

ปัจจุบันในอุตสาหกรรมการพิมพ์ ได้มีการแบ่งเครื่องพิมพ์ตามคุณสมบัติและประเภทการใช้งานออกเป็น 3 ระบบใหญ่ๆ ได้แก่

 

1. ระบบพิมพ์ออฟเซ็ท (Offset Printing) เป็นระบบการพิมพ์ที่ได้รับความนิยมในเรื่องของคุณภาพงาน ความละเอียด ให้เม็ดสีที่คมชัด มีกระบวนการผลิตหลายขั้นตอน ไม่เหมาะกับงานที่ต้องแก้ไขหลายครั้ง เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการแก้ไข เช่น การทำฟิล์ม การทำเพลท เป็นต้น

 

2. ระบบพิมพ์ดิจิทัล (Digital Printing) เป็นระบบการพิมพ์ที่รวดเร็ว ประหยัดเวลา และค่าใช้จ่าย สามารถแก้ไขไฟล์งานก่อนพิมพ์จริงได้ และสามารถแก้ไขงานได้หลายครั้ง ซึ่งคุณภาพงานพิมพ์จะใกล้เคียงกับงานพิมพ์ระบบออฟเซ็ท

 

3. ระบบพิมพ์อิงค์เจ็ท (Inkjet Printing) เป็นระบบการพิมพ์ที่ใกล้เคียงกับงานพิมพ์ดิจิทัล ในการทำให้หมึกเกิดแรงดันและพ่นสีออกมา สามารถพิมพ์งานขนาดใหญ่ได้

 

สำหรับ “อิงค์เจ็ท” (Inkjet) ถือเป็นระบบการพิมพ์ที่ผู้ใช้งานทั่วไปเข้าถึงได้ง่ายที่สุด เนื่องจากเครื่องพิมพ์มีจำหน่ายอยู่ทั่วไป ซึ่งโดยส่วนใหญ่เรามักเข้าใจว่าเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทสามารถพิมพ์งานได้แค่เฉพาะตามบ้านหรือออฟฟิศเท่านั้น แต่เมื่อพูดถึงอิงค์เจ็ทกับการพิมพ์งานในระดับอุตสาหกรรม แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เนื่องด้วยข้อจำกัดเรื่องคุณภาพและความเร็วในการพิมพ์

 

นายปลวัชร นาคะโยธิน ผู้จัดการ ฝ่ายขายผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์ระดับมืออาชีพ บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีอิงค์เจ็ทได้พัฒนาไปแบบก้าวกระโดด   ทั้งเรื่องคุณภาพสี ความละเอียด ความเร็ว และคุณสมบัติที่เทียบเท่ากับการพิมพ์ด้วยระบบออฟเซ็ท โดยระบบอิงค์เจ็ทคุณภาพสูงได้เข้าไปช่วยลดขั้นตอนในกระบวนการพิมพ์ ส่งผลให้ระยะเวลาในการผลิตลดลง และทำให้การใช้ทรัพยากรต่าง ๆ ลดลงตามไปด้วย

 

การผลิตงานพิมพ์ด้วยระบบออฟเซ็ทแบบเดิมนั้น โรงพิมพ์จะต้องมีการทำเพลทเพื่อให้ลูกค้าตรวจสอบความถูกต้องก่อนพิมพ์จริง ในขั้นตอนนี้เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทมีหน้าที่พิมพ์งานปรู๊ฟเพื่อให้ลูกค้าตรวจสอบเบื้องต้นเท่านั้น ก่อนที่จะทำเพลทในลำดับถัดไป และกว่าจะได้งานพิมพ์ที่เสร็จสมบูรณ์ก็ใช้เวลาค่อนข้างมาก แต่ปัจจุบันระบบเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทถูกพัฒนาให้สามารถแทนที่งานในส่วนนี้ได้แล้ว ตั้งแต่ขั้นตอนการปรู๊ฟเสร็จสิ้น แล้วข้ามไปสู่กระบวนการพิมพ์จริงได้เลย โดยไม่ต้องมีการทำเพลท ลดการทำงานให้เหลือขั้นตอนเดียว ต่างจากเดิมที่ต้องมาทำสองขั้นตอน ซึ่งช่วยประหยัดทั้งต้นทุนและเวลาในส่วนนี้ไปได้ค่อนข้างมาก

 

ในด้านของต้นทุนในการผลิต ถึงแม้ว่าการพิมพ์ต่อหน่วยของระบบอิงค์เจ็ทจะมีราคาสูงกว่าระบบออฟเซ็ท แต่ส่วนที่ระบบอิงค์เจ็ทได้เปรียบ คือ สามารถพิมพ์งานจำนวนน้อยได้ ซึ่งไม่ว่าจะพิมพ์ 1 ชิ้น หรือพิมพ์ 1,000 ชิ้น ก็มีต้นทุนต่อหน่วยเท่ากัน แต่หากใช้ระบบออฟเซ็ทมาพิมพ์งานจำนวนน้อย ๆ ก็อาจจะไม่คุ้ม เพราะต้นทุนต่อหน่วยจะสูงกว่าการพิมพ์ด้วยอิงค์เจ็ทค่อนข้างมาก ทำให้โรงพิมพ์ออฟเซ็ทแทบจะไม่สามารถรับงานประเภทจำนวนน้อยได้เลย ดังนั้น ลูกค้าที่มาสั่งพิมพ์งานก็ต้องพิมพ์ตามจำนวนขั้นต่ำที่โรงพิมพ์กำหนดและอาจได้ปริมาณของงานพิมพ์เกินความต้องการ ซึ่งทำให้เกิดเป็นต้นทุนโดยไม่จำเป็น

 

 

เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทคุณภาพสูง เทรนด์ของโลกสิ่งพิมพ์ยุคใหม่

 

ในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทคุณภาพสูงเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรม จะเห็นได้ว่ามีหลายแบรนด์ที่เริ่มเข้ามาทำตลาด เนื่องจากเครื่องพิมพ์ที่เป็นระบบอนาล็อกมียอดจำหน่ายที่ลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ปริมาณงานของโรงพิมพ์หลาย ๆ แห่งหดตัวลง ดังนั้น หากไม่ขยับมาสู่ระบบดิจิทัลก็อาจจะทำให้ธุรกิจไปต่อลำบาก นั่นจึงทำให้ระบบอิงค์เจ็ทได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงหลัง

 

ขณะที่แนวโน้มของตลาดเครื่องพิมพ์ฉลาก หรือ ลาเบล นั้น ระบบเครื่องพิมพ์อนาล็อกก็ถดถอยลงเรื่อย ๆ ซึ่งในปีที่ผ่านมาเติบโตแค่เพียง 2-3% เท่านั้น แต่ก็ยังมีมาร์เก็ตแชร์ที่สูงอยู่ คือประมาณ 80% ขณะที่ในกลุ่มเครื่องพิมพ์ดิจิทัลในปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 7-8% แต่ปีนี้มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 12-13% ซึ่งถือว่าทิศทางค่อนข้างดี แม้ว่ามาร์เก็ตแชร์จะยังน้อยอยู่ แต่คาดว่าในอนาคตระบบดิจิทัลจะครองตลาดส่วนแบ่งตลาดมากขึ้นอย่างแน่นอน

 

ประกอบกับเมื่อไปดูความต้องการของตลาดในยุคปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าลูกค้าบางกลุ่มไม่ได้ต้องการพิมพ์งานปริมาณมาก ๆ แต่กลับต้องการสร้างสรรค์งานที่มีความหลากหลายในปริมาณที่พอเหมาะ และสามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบได้บ่อย ๆ เพื่อสร้างความแตกต่าง ซึ่งแนวโน้มในอนาคตก็เป็นไปในทิศทางนั้นเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น ระบบอิงค์เจ็ทยิ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าวได้เป็นอย่างดี

 

 

เครื่องพิมพ์และหมึกพิมพ์อิงค์เจ็ท ถูกพัฒนาให้สามารถผลิตงานสิ่งพิมพ์คุณภาพสูง

 

สำหรับเทคโนโลยีเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทในปัจจุบัน สามารถให้คุณภาพงานพิมพ์ทั้งสีและความละเอียดเทียบเคียงได้กับระบบออฟเซ็ท อีกทั้งความเร็วในการพิมพ์ (Printing Speed) ก็ถูกอัพเกรดให้สามารถทำงานได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ขณะที่หมึกพิมพ์ก็มีการคิดค้นและพัฒนาให้สามารถป้องกันน้ำและแสงได้อย่างดีเยี่ยม อาทิ เครื่องพิมพ์ Epson SurePress L-4533 ซึ่งเอปสันวิจัย คิดค้น และพัฒนาหมึกพิมพ์ขึ้นมาโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นหมึกพิมพ์ที่มีส่วนผสมของน้ำเป็นตัวทำละลาย ชุดหมึกพิมพ์มี 6 เฉดสี ครอบคลุมโทนสีที่กว้างยิ่งขึ้น หมึกสียึดเกาะได้อย่างดีบนวัสดุการพิมพ์ทุกชนิด โดยไม่ต้องทำการย้อมหรือเคลือบผิววัสดุการพิมพ์ก่อน

 

นอกจากนี้ เอปสันยังมีซอฟท์แวร์ที่จะเข้ามาช่วยจัดการเรื่องสีของงานพิมพ์ เนื่องจากหลายครั้งที่มักพบปัญหาว่า สีในงานปรู๊ฟกับสีในงานพิมพ์จริงออกมาแตกต่างกันมาก ซึ่งซอฟท์แวร์ดังกล่าวของเอปสันจะเข้าไปช่วยประมวลผลว่าแท่นพิมพ์มีความสามารถในการปล่อยสีสูงสุดได้แค่ไหน และจะทำการกำหนดค่าการจ่ายสีของแท่นพิมพ์ให้ตรงกับสีที่ต้องการได้ เพื่อทำให้สีในงานพิมพ์จริงออกมาเหมือนกับงานที่ปรู๊ฟไว้ นี่คือการลดข้อจำกัด และพิสูจน์ได้ว่าความล้ำหน้าของระบบอิงค์เจ็ทที่สามารถทดแทนระบบเดิมได้อย่างเหนือชั้น  

 

Epson SurePress L-4533AW เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทคุณภาพสูงเพื่องานอุตสาหกรรม

 

ในงาน LabelExpo Southeast Asia 2018 ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศไทยเมื่อวันที่ 10-12 พฤษภาคม 2561 ที่ผ่านมา เอปสันได้นำเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทคุณภาพสูง หรือ Epson SurePress L-4533AW ไปเปิดตัวภายในงาน พร้อมยกให้เป็นตัวชูโรงของซีรีส์เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทรุ่นใหญ่ ที่สามารถตอบโจทย์ให้กับโรงพิมพ์ที่ต้องการจะขยายไปสู่งานพิมพ์ดิจิทัล รวมถึงผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพที่ต้องการเพิ่มศักยภาพในการผลิตสินค้า และลดต้นทุนในส่วนของงานพิมพ์ลง ซึ่งการเปิดตัว Epson SurePress L-4533AW ในครั้งนี้ ทำให้เอปสันกลายเป็นเพียงแบรนด์เดียวที่มีไลน์สินค้าในกลุ่มเครื่องพิมพ์ฉลากครอบคลุมทุกรูปแบบการใช้งาน และสามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของตลาดได้ครบถ้วนมากที่สุด

 

 

สำหรับ Epson SurePress L-4533AW ถือเป็นหนึ่งในเรือธงของซีรีส์เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทรุ่นใหญ่   ที่ทางเอปสันตั้งใจจะส่งผ่านเทคโนโลยีการพิมพ์ไปยังผู้ใช้งาน โดยโฟกัสไปที่ลูกค้า 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่

 

(1) กลุ่มธุรกิจโรงพิมพ์เดิมที่ใช้ระบบออฟเซ็ทอยู่แล้ว แต่ต้องการขยับไปรับงานพิมพ์ดิจดิทัลที่มีปริมาณพิมพ์น้อยเพิ่มเข้ามา  

 

(2) กลุ่มสตาร์ทอัพและเอสเอ็มอี ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าที่มีศักยภาพในการขยายส่วนงานและการลงทุน แต่ยังคงพึ่งพาการใช้เอาท์ซอร์สในระบบงานพิมพ์อยู่

 

ทั้งนี้ ด้วยเทคโนโลยีที่ใส่มาเต็มพิกัดกับคุณสมบัติที่โดดเด่นของ Epson SurePress L-4533AW  จะช่วยให้การผลิตงานพิมพ์สามารถดำเนินไปอย่างมืออาชีพ โดยใช้บุคลากรเพียงแค่ 1-2 คน ก็สามารถจัดการและดูแลระบบงานพิมพ์ทั้งหมดได้อย่างสะดวกสบาย นั่นจึงทำให้ง่ายต่อการตัดสินใจในการลงทุน และไม่เพิ่มภาระให้แก่ผู้ประกอบการในการที่ต้องเพิ่มคนมาดูแลงานพิมพ์

 

 

ในส่วนของคุณสมบัติการพิมพ์ Epson SurePress L-4533AW สามารถพิมพ์งานหน้ากว้างได้ตั้งแต่ 0.31-0.91 เมตร ด้วยความเร็วในการพิมพ์ 8 เมตรต่อนาที (mpm) ที่สำคัญคือไม่สร้างมลภาวะเหมือนเครื่องพิมพ์ในระบบอนาล็อกและประหยัดไฟ โดยใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 850 วัตต์ ซึ่งประหยัดกว่าเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทรุ่นก่อน ๆ เกือบ 10 เท่า และเมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องพิมพ์ในกลุ่มดิจิทัลที่เป็นซีรีส์เดียวกัน เทคโนโลยีการประหยัดไฟฟ้าของเอปสันถือได้ว่าประหยัดไฟสูงที่สุดในขณะนี้

 

หัวพิมพ์สามารถพิมพ์ได้กว่า 4,000,000 ด็อท อายุการใช้งานยาวนาน 2-3 ปี (ประเมินจากการใช้งานวันละ 8 ชั่วโมง) พร้อมรับประกันหัวพิมพ์และตัวเครื่องนาน 1 ปีเต็ม และลูกค้ายังสามารถซื้อประกันเพิ่มในปีต่อ ๆ ไปได้อีกด้วย

 

นอกจากนี้ Epson SurePress L-4533AW ยังมีการติดตั้งซอฟท์แวร์ให้ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและลิงค์ไปยังสำนักงานใหญ่ เพื่อใช้ในการตรวจสอบสภาวะการทำงานของเครื่องพิมพ์ตลอดเวลาในทุกครั้งที่มีการสั่งพิมพ์ หรือกรณีที่เครื่องมีปัญหา เช่น หมึกกำลังจะหมด ข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้จะถูกดึงไปเก็บไว้ในเซิร์ฟเวอร์ส่วนกลาง จากนั้นระบบจะแจ้งเตือนไปยังผู้ใช้งานให้เห็นสถานะของเครื่อง ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถคาดการณ์ล่วงหน้าและเข้าไปดำเนินการได้อย่างทันท่วงทีกรณีที่เกิดปัญหาหรือเครื่องขัดข้อง

 

ส่วนการดูแลและบำรุงรักษาก็ค่อนข้างสะดวกและง่ายต่อผู้ใช้งาน เนื่องจากเครื่องพิมพ์รุ่นใหม่ถูกออกแบบมาให้ดูแลและจัดการระบบต่าง ๆ ภายในเครื่องโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว ผู้ใช้งานมีหน้าที่แค่ตรวจเช็ครายวันก่อนการทำงาน เช่น ระบบความสะอาดต่าง ๆ หรือการฟีดกระดาษว่าติดขัดหรือไม่ เท่านี้ก็ถือว่าเพียงพอต่อการดูแลเบื้องต้นแล้ว  

 

เลือกเครื่องพิมพ์ให้เหมาะกับงาน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

 

นายปลวัชร ยังได้แนะนำถึงแนวทางในการเลือกซื้อเครื่องพิมพ์ด้วยว่า การเลือกซื้อเครื่องพิมพ์นั้นจะต้องดูที่การใช้งานเป็นหลัก โดยพิจารณาถึงคุณภาพงานพิมพ์ที่ต้องการและปริมาณงานที่ต้องใช้ เพื่อเลือกเครื่องพิมพ์ให้เหมาะสมกับการลงทุน อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ใช้งานหรือผู้ประกอบการที่อาจจะไม่คุ้นเคยกับโซลูชั่นในระบบงานพิมพ์ การเลือกซื้อเครื่องพิมพ์ควรจะเลือกผู้ผลิตที่มีเทคโนโลยีและความน่าเชื่อถือ เนื่องจากโซลูชั่นไม่ใช่แค่เครื่องพิมพ์เพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงซอฟท์แวร์ที่จะช่วยในการจัดการด้วย ซึ่งซอฟท์แวร์บางอย่างที่มีอยู่ทั่วไปอาจจะใช้งานได้ก็จริง แต่จะประหยัดเวลาได้อีกมากถ้ามีซอฟท์แวร์ที่ลดขั้นตอนและช่วยให้การทำงานง่ายขึ้นไปอีก ดังนั้น ผู้ผลิตที่มีโซลูชั่นที่ดีจะช่วยให้การทำงานของลูกค้ามีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

 

“หลายคนยังคงเข้าใจว่า เครื่องพิมพ์เครื่องเดียวสามารถใช้พิมพ์ได้ทุกอย่าง ซึ่งในแง่ของการใช้งานทั่วไปอาจจะใช้ได้ แต่พอเป็นงานในระดับอุตสาหกรรมหรืองานที่เฉพาะเจาะจงมาก ๆ การเลือกเครื่องพิมพ์และโซลูชั่นให้เหมาะกับงานถือว่ามีความจำเป็นอย่างมาก เนื่องจากเครื่องพิมพ์ทั่วไปอาจจะไม่สามารถตอบโจทย์ในเรื่องคุณภาพและความเร็วในการผลิตได้ ดังนั้น การเลือกเครื่องพิมพ์ให้เหมาะกับงานจึงมีความสำคัญ เพื่อให้ได้คุณภาพงานที่ดีและตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานมากที่สุด” นายปลวัชร กล่าวทิ้งท้าย

 

สำหรับท่านที่สนใจผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์ของเอปสันหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวผลิตภัณฑ์ สามารถคลิกเข้าไปได้ที่ www.epson.co.th