TECHNOLOGY

อีก 3-5 ปี หุ่นยนต์เพื่อการเกษตรจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น
POSTED ON 17/02/2559


 

เทคโนโลยีอุตสาหกรรม 17 ก.พ.2559 - เมื่อวันที่ 4-5 ก.พ.2559 ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) จัดงาน KMUTT OPEN HOUSE 2016 ขึ้น ร่วมกับการจัดงานครบรอบ 20 ปี ของสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม หรือ FIBO ภายใต้แนวคิด 20th Anniversary Professional Robot Maker เหลียวหลังมองอดีต มุ่งหน้าสู่อนาคตซึ่งภายในงานมีกิจกรรมเปิดบ้าน และการจัดแสดงนิทรรศการการรวมตัวของนวัตกรรมหุ่นยนต์จำนวนมาก ผลงานวิจัยและหุ่นยนต์อุตสาหกรรม เช่น หุ่นยนต์ฉีดพ่นยากำจัดแมลงสำหรับต้นมะพร้าว, ระบบล้อเลื่อนแบบลุกนอนได้สำหรับสุนัขพิการขาหลัง, หุ่นยนต์ค้นหาทุ่นระเบิด, หุ่นยนต์ควบคุมผ่านอินเทอร์เน็ตสำหรับเรียนรู้การผสมสารเคมี รวมทั้ง Augmented Reality Game เป็นต้น

 

รศ.ดร.สยาม เจริญเสียง ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม (FIBO) กล่าวว่า “สถาบันเชี่ยวชาญทางด้าน robotics และ automation ซึ่งเป็นการบูรณาการศาสตร์ต่างๆ เข้าด้วยกัน ทั้งวิศวกรรม อิเล็กทรอนิกส์ ไอที ไฟฟ้า และเครื่องกลเพื่อให้เกิดเทคโนโลยีหุ่นยนต์ที่จะเข้าไปรองรับงานด้านอุตสาหกรรม เราไม่ได้ทำงานเป็นระดับ mass หรือสร้างหุ่นยนต์เป็นกองทัพให้อุตสาหกรรม แต่เราเป็นสถาบันที่สร้างองค์ความรู้ใหม่และเป็นนวัตกรรมที่ทันสมัยขึ้นมา เพื่อถ่ายทอดให้แก่สังคมหรืออุตสาหกรรม เพื่อนำไปต่อยอดเป็น mass ขึ้นมาได้”

 

FIBO เป็นสถาบันที่ทำหน้าที่วิจัย บริการวิชาการ และสร้างคน เปิดสอนหลักสูตร FRA หรือ FIBO Roboticsand Automation ในระดับปริญญาโทและเอกมาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว และยังเป็นสถาบันแห่งแรกของไทยที่ให้ปริญญาเฉพาะทางด้านวิทยาการหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติครบตั้งแต่ระดับปริญญาตรี-โท-เอก เพื่อสร้างคนที่เป็นผู้นำทางด้านวิทยาการหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติเพื่อรองรับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม บริการและสังคมต่อไป

 

ด้าน ผศ.ดร.ถวิดา มณีวรรณ์ อดีตรองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย FIBO ได้กล่าวไว้ในการบรรยายในหัวข้อ “What is the future of smart robot?” เพื่อชี้ให้เห็นทิศทางของเทคโนโลยีหุ่นยนต์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งคาดการณ์ว่าในปี 2018 ความต้องการ Service robot จะมากขึ้น และนำหน้า Industrial robot ขึ้นไป ดังนั้น การสร้างหุ่นยนต์ที่ดีไม่ใช่แค่สร้างให้ทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ต้องรู้ว่าประเทศต้องการส่งเสริมหรือขาดแคลนกำลังในด้านไหน

 

ทั้งนี้ ความต้องการสูงที่สุด คือ หุ่นยนต์ประเภท Field robotics, UAV หรือหุ่นยนต์ทั่วไปบินสำรวจการปลูกพืชพันธุ์ ใช้ในการวิเคราะห์ภาพรวมของการพ่นยาและพ่นสารเคมีในฟาร์มขนาดใหญ่ รวมถึงหุ่นยนต์ทางการเกษตรที่ช่วยในการเก็บเกี่ยวผลผลิต หรือให้ปุ๋ย เนื่องจากไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม จึงไม่มีทางที่จะหนีเรื่องนี้ไปได้ ดังนั้น จึงต้องมีการเตรียมเทคโนโลยีให้พร้อมรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

 

ภายใน 5-10 ปี วงการเกษตรในเมืองไทยคงหลีกหนีการใช้งานหุ่นยนต์ไม่พ้น  เพราะเราจะขาดแคลนแรงงานคนทำการเกษตร ดังนั้น ประเทศจึงต้องการหุ่นยนต์เข้ามาช่วย นักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ในเมืองไทยต้องมองให้เห็นว่าสิ่งที่จะสร้างขึ้นมานั้นเหมาะกับเมืองไทยหรือไม่ คนไทยนำไปใช้ได้หรือไม่ เพราะหากความต้องการมีมาก เราคงไม่สามารถนำเทคโนโลยีจากในยุโรปหรืออเมริกามาใช้ในบ้านเราได้ เพราะต้นทุนทางเศรษฐศาสตร์ต่างกัน

 

ตอนนี้เกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีหุ่นยนต์มากที่สุดในโลก ตามด้วยญี่ปุ่น ส่วนเมืองไทยก็ไล่ตามมาไม่ห่างจากจีนนัก ดังนั้น สิ่งที่กำลังจะเป็นจุดเปลี่ยนตอนนี้ คือ ในอนาคตหุ่นยนต์ที่ใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์จะเข้ามาแทรกซึมอยู่ทุกอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของมนุษย์และอยู่ในชีวิตประจำวัน แตกต่างจากอดีตที่หุ่นยนต์อยู่แต่ในโรงงาน แต่ในอนาคตไม่ว่าจะไปโรงเรียนหรือโรงพยาบาลก็อาจจะเจอหุ่นยนต์อยู่ในทุกมุมของชีวิต

 

นอกจากนั้น ยังมีปัจจัยเรื่อง Aging Society เข้ามาเกี่ยวข้อง เนื่องจากปี 2018 นี้จะเข้าสู่ยุคสังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว สังคมจะมีผู้สูงอายุมากกว่าคนวัยทำงาน ดังนั้น จึงต้องมีการวิจัยและพัฒนาอุปกรณ์ที่ช่วยทุ่นแรง ซึ่งในอนาคตมนุษย์อาจจะต้องการหุ่นยนต์ที่ช่วยทุ่นแรงภายในบ้านมากขึ้น

 

ความฉลาดของหุ่นยนต์ที่สามารถรับรู้สิ่งแวดล้อมต่างๆ และสามารถตัดสินใจได้ ซึ่งต้องยึดหลัก 4 ขั้นตอนง่ายๆ ในการทำหุ่นยนต์ให้ใช้ได้จริง ข้อแรก ต้องลงมือสร้างหุ่นยนต์ขึ้นมาจากสิ่งที่คิดไว้ ข้อสอง เมื่อเข้าใจแล้วต้องสร้างแพลตฟอร์มมาตรฐานขึ้นมาให้สามารถใช้งานได้ซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะนั่นคือหัวใจสำคัญของหุ่นยนต์

 

ข้อสาม เมื่อเราต้องการความมั่นใจว่าหุ่นยนต์สามารถทำงานได้ถูกต้องด้วยการทดลองใช้จริงในงานนั้นๆ ต้องคำนึงถึงผู้ใช้งานด้วย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่วงการหุ่นยนต์ไทยยังขาด และ ข้อสุดท้าย คือต้องปล่อยหุ่นยนต์สู่โลกกว้าง ต้องนำออกไปใช้จริงบ่อยๆ เพราะยิ่งใช้ก็จะยิ่งรู้ปัญหาและจุดบกพร่องมากขึ้น

 

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์ไม่ได้จะมาแทนที่คน แล้วทำให้คนตกงาน แต่รูปแบบของงานที่คนทำจะเปลี่ยนไป เช่น งานที่อันตราย งานเสี่ยงภัย งานที่สกปรก งานที่คนไม่อยากทำ และงานเหล่านี้จะกลายเป็นระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์จึงไม่ได้แย่งงานคน เพราะจริงๆ แล้วเมื่อเทคโนโลยีเกิดขึ้น มนุษย์ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงด้วยอยู่แล้ว ดังนั้น เราจึงต้องสร้างและพัฒนาองค์กรเพื่อสร้างคนที่มีความรู้ความสามารถด้านนี้ เพราะถ้าเรามีบุคลากรที่มีความรู้เราก็จะสามารถแก้ปัญหาของบ้านเราได้ตรงจุดมากขึ้น

 

Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics