แชร์ ผลสำรวจ ARM Survey พบว่า หุ่นยนต์จะช่วยมนุษย์ทำงาน แต่ไม่ได้ทำงานแทนมนุษย์ POSTED ON 04/07/2560 Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics 61% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่า สมองกล หรือ AI (Artificial Intelligence) จะช่วยเหลือสังคมได้ โดยมีเพียง 22% ที่มองว่าจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ดี สำหรับการจ้างงานในอนาคตนั้น 30% มองว่า ความวิตกกังวลต่อการจ้างงานเป็นผลกระทบสำคัญที่สุดที่เกิดจากการพัฒนา AI โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจก่อสร้าง การขนส่ง และการคมนาคมน่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุด ส่วนด้านการดูแลสุขภาพ 57% บอกว่า ยินดีให้แพทย์ AI ตรวจตา ขณะที่ 41% ยอมให้แพทย์ AI ผ่าตัดสมอง ในด้านการขับขี่ด้วยระบบอัตโนมัติ 55% บอกว่า จะเชื่อใจรถยนต์อัตโนมัติถ้าหากว่ามีประวัติความปลอดภัยเหนือกว่ายานยนต์ที่มนุษย์เป็นคนขับ โดย 70% พร้อมจะมอบความไว้วางใจให้รถยนต์อัตโนมัติในอีก 10 ปีข้างหน้า การสำรวจอิสระของ ARM ด้วยการสอบถามผู้บริโภคเกือบ 4,000 คนทั่วโลก พบว่า มีผู้บริโภคเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เชื่อว่า AI จะเข้ามาแทนที่การทำงานของมนุษย์จนก่อให้เกิดความปั่นป่วนในตลาดแรงงาน เมื่อถามว่าในอนาคต AI จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันเพิ่มขึ้นในด้านใดบ้าง ผู้บริโภค 30% บอกว่า ผลกระทบที่สำคัญที่สุดคือ จะทำให้มนุษย์มีงานทำลดลงหรือทำงานที่ไม่เหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เข้ารับการสำรวจยังคงมองโลกในแง่ดีว่า ในการทำงานส่วนใหญ่นั้น หุ่นยนต์จะเข้ามาช่วยเหลือมนุษย์มากกว่าแทนที่มนุษย์ โดยจะเข้ามาช่วยงานส่วนที่น่าเบื่อหรืออันตรายให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น Joyce Kim รองประธานฝ่ายการสื่อสาร แบรนด์ และการตลาดระดับโลกของ ARM กล่าวว่า “เป็นที่น่ายินดีที่ผลการสำรวจแสดงให้เห็นมุมมองในแง่บวกและโอกาสที่มีต่อ AI แต่นี่เป็นเพียงคำถามเกี่ยวกับศักยภาพเพียงส่วนน้อยของ AI เท่านั้น AI จะส่งผลต่อการทำงานอย่างแน่นอน แต่เป็นไปในระดับที่ควบคุมได้และเป็นผลกระทบในทางที่ดีมาก โดยจะเพิ่มโอกาสและยกระดับชีวิตของเรา หากเราลงทุนด้านสะเต็ม (STEM) เพิ่ม และส่งเสริมการศึกษาให้แรงงานสมัยใหม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยี AI เพิ่มขึ้น เราก็จะสามารถสร้างความมั่นใจได้ว่า พวกเขาจะก้าวตามโลกเศรษฐกิจยุคหุ่นยนต์ได้ทัน” ทั้งนี้ การสำรวจดังกล่าวจัดทำโดย Northstar Research Partners ร่วมมือกับ ARM โดยนักวิจัยทำการสำรวจเฉพาะผู้บริโภคที่พอมีความรู้เกี่ยวกับ AI อยู่บ้าง จากนั้นจึงประเมินความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามเกือบ 4,000 คนจากประเทศสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร สวีเดน เยอรมนี จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ผู้เข้ารับการสำรวจเชื่อว่า เทคโนโลยี AI ใหม่ ๆ จะเข้ามามีบทบาทในภาคการผลิตและการธนาคารมากที่สุด ขณะที่อาชีพเกี่ยวกับการทำอาหาร ดับเพลิง และเกษตรกรรมจะยังคงต้องใช้แรงงานมนุษย์ สำหรับความเห็นดังกล่าวมาจากความเห็นส่วนใหญ่ของผู้ตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับอนาคตของหุ่นยนต์ โดยผู้บริโภคในเอเชียมีความคิดเห็นไปในแง่บวกมากที่สุด ตามด้วยสหรัฐฯ และยุโรป ตามลำดับ สำหรับในภาพรวมนั้น ผู้บริโภคมีความเห็นต่ออนาคตในแง่บวกมากจนน่าประหลาดใจ โดย 61% เชื่อว่า สังคมจะดีขึ้นหากมีการนำระบบอัตโนมัติและ AI มาใช้งาน ผู้บริโภคยังสนับสนุนการใช้งานโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการดูแลสุขภาพและวิทยาศาสตร์ อีกทั้งยังพร้อมมอบความไว้วางใจให้มีการนำเครื่องจักรมาวินิจฉัยโรค ขับรถ และเป็นเพื่อนคู่กายด้วย สรุปการค้นพบที่สำคัญเกี่ยวกับประโยชน์และผลกระทบที่จะตกสู่ผู้บริโภค หาก AI เข้ามามีบทบาทมากมายในชีวิตประจำวันจะก่อให้เกิดประโยชน์ใดมากที่สุดในอนาคต 37% เชื่อว่า พัฒนาการดังกล่าวจะช่วยเหลือมนุษย์ได้ เช่น ด้านวิทยาศาสตร์และยารักษาโรค 29% เชื่อว่า หุ่นยนต์จะเข้ามาทำงานส่วนที่น่าเบื่อหรืออันตราย 19% เชื่อว่า จะลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจ พร้อมยกระดับบริการในราคาที่ลดลง 11% มองว่า จะลดความเสี่ยงที่มนุษย์จะประสบอุบัติเหตุหรือเกิดความผิดพลาด 5% คิดว่าจะมีเวลาว่างมากขึ้น หาก AI เข้ามามีบทบาทมากมายในชีวิตประจำวันจะก่อให้เกิดความเสียหายใดมากที่สุดในอนาคต 30% เชื่อว่า จะทำให้มนุษย์มีงานทำลดลงหรือทำงานที่ไม่เหมือนเดิม 20% เชื่อว่า เครื่องจักรจะเข้ามามีบทบาทในควบคุมชีวิตตนเองส่วนหนึ่ง 18% เชื่อว่า ในโลกออนไลน์จะมีการส่งผ่านข้อมูลมากขึ้น และอาจทำให้มีการขโมยข้อมูลมากขึ้น 12% มองว่า อาจก่อให้เกิดปัญหาสังคม เนื่องจากมนุษย์มีโอกาสลดลง หรือรู้สึกไร้ประโยชน์ หรือมีเวลาว่างมากเกินไป 11% เชื่อว่า เครื่องจักรจะมีอิสรภาพมากขึ้น และสามารถคิดเองได้ 9% เชื่อว่า อาจมีการสร้างความสัมพันธ์กับเครื่องจักรมากกว่าความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์