กลุ่ม 5 ชาติเอเชีย (MITI-V) จะผงาดขึ้นเป็นแหล่งผลิตสำคัญทางเลือกใหม่ของโลกแทนที่จีน
POSTED ON 26/05/2559
รายงานดัชนีความสามารถในการแข่งขันด้านการผลิตทั่วโลก ประจำปี 2559 (2016 Global Manufacturing Competitiveness Index : GMCI) ซึ่งจัดทำโดยกลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าอุตสาหกรรมของดีลอยท์ โกลบอล (Deloitte Global Consumer & Industrial Products Industry group) และ คณะกรรมการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของสหรัฐฯ (US Council on Competitiveness) ระบุว่า กลุ่ม MITI-V (Mighty 5) หรือ 5 ชาติเอเชีย ซึ่งประกอบด้วย มาเลเซีย (M), อินเดีย (I), ไทย (T), อินโดนีเซีย (I) และเวียดนาม (V) มีแนวโน้มจะผงาดขึ้นมาติดกลุ่ม 15 อันดับประเทศที่มีความสามารถในการแข่งขันด้านการผลิตของโลกภายในปี 2563 และน่าจะขึ้นมาแทนที่จีนได้ โดยพิจารณาจากแรงงานต้นทุนต่ำ ความสามารถคล่องตัวด้านการผลิต โครงสร้างด้านประชากรศาสตร์ รวมถึงการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ การคาดการณ์ข้างต้นได้มาจากการวิเคราะห์เชิงลึกจากการสำรวจประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ผู้นำระดับสูงของบริษัทในธุรกิจอุตสาหกรรมการผลิตทั่วโลกกว่า 500 ราย และจากการรวบรวมข้อมูลในรายงานปี 2553 และ 2556 อ้างความเห็นของผู้บริหารจากประเทศที่มีความสามารถในการแข่งขันด้านการผลิตในปัจจุบันและอนาคต 40 อันดับแรก และยังได้รับการจัดอันดับเป็นผู้ที่มีอิทธิพลในเรื่องความสามารถแข่งขันด้านการผลิตทั่วโลกในอันดับต้นๆ อีกด้วย
นายสุภศักดิ์ กฤษณามระ กรรมการผู้จัดการ ดีลอยท์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ถึงแม้อันดับความสามารถในการแข่งขันของ 4 ประเทศ MITI-V ยกเว้นเวียดนาม โดยรวมระหว่างปี 2556 และ 2559 จะลดลง แต่เมื่อมองภาพรวมกลุ่มประเทศ MITI-V อาจเห็นประเทศเหล่านี้เป็นทางเลือกดึงดูดใจในแง่การเติบโตของตลาดและเศรษฐกิจ รวมถึงการขยายตัวของฐานผู้บริโภค
กลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างอินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย และเวียดนาม ยังคงดึงดูดความสนใจของผู้ผลิตทั่วโลกที่มองหาทางเลือกอื่นนอกจากจีน โดยสามารถใช้ประโยชน์จากแรงงานที่มีทักษะและความสามารถในการผลิตของแรงงานมีมากขึ้น รวมถึงต้นทุนแรงงานการผลิตที่ต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับจีน
ความได้เปรียบอื่นๆ ที่กลุ่มประเทศ MITI-V มีให้ผู้ผลิตทั่วโลกนั้น รวมถึงแรงจูงใจทางภาษีมีมากมาย ทั้งระยะการปลอดภาษี 3 -10 ปี การยกเว้นภาษี หรือลดภาษีนำเข้า และการลดภาษีสินทรัพย์ประเภททุน และวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตเกี่ยวข้องกับการส่งออก
นายสุภศักดิ์ ระบุว่า "ในระดับโลกคาดว่าสหรัฐฯจะขึ้นเป็นประเทศมีขีดความสามารถแข่งขันทางการผลิตมากที่สุดในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยจีนซึ่งปัจจุบันอยู่อันดับที่ 1 จะหล่นลงมาอยู่อันดับ 2 และคำว่า “เมดอินยูเอสเอ” กำลังจะหวนกลับมา ตรงข้ามกับมุมมองที่ว่า การผลิตในสหรัฐฯลดลงตลอดเวลา การผลิตในอนาคตจะต้องมีเทคโนโลยีก้าวหน้า มีการเจริญเติบโตโดยใช้นวัตกรรมในการผลิต การผลิตจะเน้นความยั่งยืน ความอัจฉริยะและความปลอดภัย ซึ่งคาดว่าสหรัฐจะเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้นำการเปลี่ยนโฉมของธุรกิจอุตสาหกรรมการผลิต”
บรรดาซีอีโอให้ความเห็นในรายงานว่า เทคโนโลยีการผลิตที่มีความก้าวหน้าจะเป็นกุญแจสำคัญในการปลดล๊อคขีดความสามารถแข่งขันในอนาคต และจากคาดการณ์เชิงวิเคราะห์ ชี้ว่า การเชื่อมโยงเครือข่ายผ่านเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ต หรือ Internet of Things (IoT) ไม่ว่าจะเป็นสินค้าและโรงงานอัจฉริยะที่เป็นตัวกำหนด Industry 4.0 และวัตถุก้าวหน้าล้ำสมัยต่างๆ ซึ่งกลุ่มผู้บริหารมองว่าสำคัญต่อความสามารถในการแข่งขันด้านการผลิตทั่วโลก
ปัจจุบันสหรัฐฯอยู่ในกลุ่มประเทศอันดับต้นๆ ที่มีการใช้เทคโนโลยีการผลิตทันสมัยล้ำหน้า รวมถึงโรงงานและสินค้าอัจฉริยะ การคาดการณ์เชิงวิเคราะห์และวัตถุต่างๆ ที่ล้ำหน้าและทันสมัยล้วนเป็นหัวใจสำคัญต่อความสามารถแข่งขันในอนาคตความล้ำหน้าของสหรัฐฯ อยู่ที่การสร้างความเชื่อมโยงผนึกรวมบุคลากร เทคโนโลยี เงินทุนและองค์กร ไว้ด้วยกัน และสร้างให้เกิดรูปแบบการจัดการระบบนิเวศน์ที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรม ก่อให้เกิดคุณค่ามากมายจากการลงทุนพัฒนาและวิจัย
นายสุภศักดิ์ ให้ความเห็นด้วยว่า “เศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ได้เปรียบประเทศเศรษฐกิจก้าวหน้าหลายเรื่อง ทั้งแรงงานและต้นทุนวัตถุ ส่วนประเทศเศรษฐกิจก้าวหน้าก็ได้เปรียบในแง่ของความสามารถและความมีประสิทธิภาพของแรงงาน อย่างสิงคโปร์เป็นประเทศที่ถูกมองว่าเป็นแหล่งผลิตต้นทุนค่อนข้างสูงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังคงติดกลุ่มประเทศที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงสุดในภูมิภาคในอนาคตด้วย เพราะแรงงานที่มีการศึกษาสูง บรรยากาศการทำธุรกิจที่เป็นมิตรกับการลงทุน แรงจูงใจให้ทำวิจัยและพัฒนามีมากมาย สาธารณูปโภคโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพสูง และมีธรรมาภิบาลที่ดี เส้นทางของภาคการผลิตของสิงคโปร์จะได้แรงขับเคลื่อนจากการลงทุนในบุคคลากรมีความสามารถและนวัตกรรม”
ดัชนีความสามารถในการแข่งขันด้านการผลิตทั่วโลก ประจำปี 2559
อันดับ | ประเทศ | อันดับปี 2556 | อันดับคาดการณ์อีก 5 ปีข้างหน้า |
1 | จีน | 1 | 2 |
2 | สหรัฐอเมริกา | 3 | 1 |
3 | เยอรมัน | 2 | 3 |
4 | ญี่ปุ่น | 10 | 4 |
5 | เกาหลีใต้ | 5 | 6 |
6 | อังกฤษ | 15 | 8 |
7 | ไต้หวัน | 6 | 9 |
8 | เม็กซิโก | 12 | 7 |
9 | แคนาดา | 7 | 10 |
10 | สิงคโปร์ | 9 | 11 |
11 | อินเดีย | 4 | 5 |
12 | สวิสเซอร์แลนด์ | 22 | 19 |
13 | สวีเดน | 21 | 18 |
14 | ไทย | 11 | 14 |
15 | โปแลนด์ | 14 | 16 |
16 | ตุรกี | 20 | 17 |
17 | มาเลเซีย | 13 | 13 |
18 | เวียดนาม | 18 | 12 |
19 | อินโดนีเซีย | 17 | 15 |
20 | เนเธอร์แลนด์ | 23 | 21 |
21 | ออสเตรเลีย | 16 | 22 |
22 | ฝรั่งเศส | 25 | 26 |
23 | เชค | 19 | 20 |
24 | ฟินแลนด์ | - | 24 |
25 | สเปน | 33 | 27 |
26 | เบลเยี่ยม | 27 | 29 |
27 | แอฟริกาใต้ | 24 | 25 |
28 | อิตาลี | 32 | 30 |
29 | บราซิล | 8 | 23 |
30 | สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ | 30 | 33 |
31 | ไอร์แลนด์ | 37 | 31 |
32 | รัสเซีย | 28 | 32 |
33 | โรมาเนีย | 29 | 28 |
34 | ซาอุดิอาราเบีย | 34 | 36 |
35 | โปรตุเกส | 35 | 35 |
36 | โคลัมเบีย | 31 | 34 |
37 | อียิปต์ | 36 | 37 |
38 | ไนจีเรีย | - | 38 |
39 | อาร์เจนตินา | 26 | 39 |
40 | กรีซ | 38 | 40 |
Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics