MANUFACTURING

CPF โชว์เทคโนโลยีการผลิต มาตรฐานระดับโลก สะอาด ปลอดภัย ทุกขั้นตอน
POSTED ON 21/01/2557


อุตสาหกรรมการผลิต - นายชาตรี รชตะสมบูรณ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธุรกิจโรงงานอาหารแปรรูปสระบุรี ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีการดำเนินงานด้านพัฒนากระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านคุณภาพและประสิทธิภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในเรื่องคุณภาพ และมาตรการอาหารปลอดภัย (Food Safety) ทั้งยังคงรักษามาตรฐานการผลิตและได้รับการรับรองจากกรมปศุสัตว์มาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการปฏิบัติด้านคุณภาพตามข้อกำหนดของลูกค้าทั้งญี่ปุ่นและยุโรปในการส่งออกอาหารแปรรูป ทำให้ต้องมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของการผลิตไก่สดอนามัยที่เป็นที่ยอมรับของลูกค้า ทำให้ซีพีเอฟพร้อมที่จะส่งออกไก่สดได้ทันที

 

ในเรื่องประสิทธิภาพ ซีพีเอฟมีการลงทุนนำเข้าเครื่องจักรที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด เข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต เช่น เครื่องชำแหละไก่อัตโนมัติ ซึ่งมีการติดตั้งเมื่อเดือนเมษายน 2556 เป็นเครื่องแรกของประเทศไทย และยังมีเครื่องจักรอัตโนมัติอื่นๆ เช่น เครื่องเปิดเนื้อ, เครื่องตัดเนื้อชิ้นเล็ก รวมถึงเครื่องตัด Block ซึ่งสามารถรองรับสินค้าไก่สดที่เป็นที่ต้องการของตลาดญี่ปุ่นได้เป็นจำนวนมาก

 

ทั้งนี้ กระบวนการผลิตแบบครบวงจรของซีพีเอฟ ตั้งแต่ฟาร์มถึงโต๊ะอาหาร ทำให้บริษัทสามารถควบคุมคุณภาพอาหารปลอดภัยได้อย่างเข้มงวดทั้งห่วงโซ่การผลิต ด้วยระบบการแปรรูปและการผลิตอันทันสมัย ผ่านการรับรองมาตรฐานโลกต่างๆ ที่ผู้นำเข้ายอมรับ

 

ด้าน น.สพ.พยุงศักดิ์ สมยานนทนากุล รองกรรมการผู้จัดการด้านบริการวิชาการสัตว์ปีก ซีพีเอฟ กล่าวว่า ปัจจัยสู่ความสำเร็จของธุรกิจอาหารแปรรูปของบริษัท คือ การดำเนินธุรกิจแบบครบวงจรตลอดห่วงโซ่การผลิตอาหาร จากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ จนถึงกระบวนการจัดจำหน่ายสู่ผู้บริโภค โดยให้ความสำคัญกับการประยุกต์เทคโนโลยีทันสมัยและมาตรฐานการผลิตระดับโลก, การควบคุมคุณภาพตั้งแต่ฟาร์มสู่โรงงานแปรรูป, มาตรการปฏิบัติที่ดีด้านความปลอดภัยทางชีวภาพ หรือ คอมพาร์ทเมนต์สัตว์ปีกปลอดโรค, มาตรการปฏิบัติที่ดีด้านสวัสดิภาพสัตว์ และมาตรการตรวจสอบย้อนกลับถูกต้อง แม่นยำ รวดเร็ว

 

ซีพีเอฟ ดำเนินการผลิตภายใต้มาตรฐานที่เป็นสากลทั่วโลกทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการปฏิบัติตามข้อกำหนดของลูกค้าต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ และปลอดภัยต่อผู้บริโภคในเรื่อง คุณภาพอาหาร อาหารปลอดภัย และความมั่นคงทางอาหาร นอกจากนี้ ผลจากการที่ญี่ปุ่นผ่านการรับรองมาตรฐานอาหารปลอดภัยให้กับไก่สดไทย ตั้งแต่เมื่อปลายปีที่ผ่านมาแล้วนั้น ส่งผลให้ผู้นำเข้าญี่ปุ่นโยกคำสั่งซื้อจากบราซิล ซึ่งเป็นแหล่งนำเข้าใหญ่ของญี่ปุ่นมาที่ประเทศไทย เนื่องจากมีระยะเวลาในการขนส่งสั้นกว่านำเข้าจากบราซิลมาก ทั้งยังเชื่อมั่นในคุณภาพและมาตรฐานอาหารปลอดภัย ประกอบกับไทยยังสามารถยืนยันเรื่องความปลอดภัยและปราศจากโรคระบาดไข้หวัดนก 100%

 

ขณะที่ททางด้าน นายไพศิลป์ วรวิสุทธิกูล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.พี.เมอร์แชนไดซิ่ง จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนเกิดไข้หวัดนกในปี 2547 ญี่ปุ่นนำเข้าไก่สดจากไทยปีละกว่า 200,000 ตัน แต่หลังจากไทยเกิดการระบาดของไข้หวัดนก ญี่ปุ่นก็หันไปนำเข้าไก่สดจากบราซิลแทน โดยมีการนำเข้าประมาณ 350,000 ตันในปีที่ผ่านมา (พ.ศ.2556) ในไตรมาสแรกของปี 2557 นี้ ซีพีเอฟ คาดว่าไทยจะส่งออกไก่สดได้ประมาณ 5,000 ตัน และจะส่งออกได้มากขึ้นเป็นลำดับ คาดว่าทั้งปีจะอยู่ที่ประมาณ 80,000-100,000 ตัน และคาดว่าไทยจะใช้เวลาจากนี้อีก 2-3 ปี จึงจะสามารถส่งออกไปญี่ปุ่นได้ปีละ 200,000 ตัน เท่ากับปริมาณการส่งออกในอดีต

 

เพื่อรองรับการเปิดตลาดไก่สดในญี่ปุ่น นอกจากไก่สดแช่แข็งแล้ว บริษัทยังได้เตรียมความหลากหลายของสินค้าไว้อีกหลายรายการ เช่น ไก่ดิบนวดแป้งโดยไม่ผ่านความร้อน หรือที่เรียกว่า Raw Karaage และสินค้าประเภทไก่ทอดกึ่งสุกกึ่งดิบ หรือที่เรียกว่า Pre-fried Karaage พร้อมทั้งในขั้นต่อไปเรายังสามารถต่อยอดไปถึงสินค้า ไก่สดเสียบไม้ ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ถือเป็นการเพิ่มมูลค่าได้อีกด้วย

 

หลังจากญี่ปุ่นเปิดไก่สดให้ไทย ลูกค้าต้องการสั่งออร์เดอร์จากเราเป็นปริมาณมาก เนื่องจากลูกค้าญี่ปุ่นต้องการโยกสินค้าบางส่วนจากบราซิลมาให้เรา เพราะจากบราซิลต้องใช้เวลาขนส่งทางเรือประมาณ 2 เดือน ไปยังปลายทางที่ญี่ปุ่น เทียบกับไทยแล้วอยู่แค่ 7-10 วันเท่านั้น ประกอบกับบริษัทมีการส่งมอบตรงตามเวลาที่กำหนด ทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในบริษัท ลูกค้าญี่ปุ่นยังยอมรับฝีมือการตัดแต่งเนื้อของไทยมากกว่าด้วย ซึ่งในการเปิดไก่สดครั้งนี้ ซีพีเอฟเป็นบริษัทแรกในประเทศไทยที่สามารถตอบรับคำสั่งซื้อของลูกค้าญี่ปุ่นได้ทันที