อุตสาหกรรมการผลิต - เมื่อเร็วๆ นี้ โออิชิ ได้เปิดโรงงานผลิตและบรรจุชาเขียวพร้อมดื่มโออิชิ กรีนที ที่นิคมอุตสาหกรรมนวนคร โดยโออิชิได้ทุ่มงบประมาณถึง 1,400 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานแห่งนี้ ด้วยเทคโนโลยีในการผลิตที่ทันสมัยล้ำหน้า ซึ่งแน่นอนว่าคุณภาพของสินค้าย่อมเกิดขึ้นจากการลงทุน โดยผู้บริหารของโออิชิ กล่าวว่า "มาตรฐานของวัตถุดิบ โรงงาน รวมถึงกระบวนการผลิตและการตรวจสอบคุณภาพ ของเราอยู่ในระดับโลก"

กุญแจสำคัญที่ช่วยนำไปสู่การผลิตสินค้าที่ดีมีคุณภาพของโออิชิ อันดับแรก คือ การคัดสรรที่ต้องเป็นวัตถุดิบชั้นเยี่ยม ซึ่งเป็นยอดอ่อนใบชาเขียว 3 ใบ และปลูกแบบปลอดสารเคมี 100% การันตีด้วยรางวัล "World Green Tea Contest" และ "Japan CF Award" จากประเทศญี่ปุ่น

ด้านโรงงานผลิต ได้ใช้เทคโนโลยีการผลิตและบรรจุเย็นแบบปลอดเชื้อ ที่เรียกว่า Cold Aseptic Filling จากประเทศญี่ปุ่นอีกเช่นกัน ซึ่งจะคงคุณค่าความสด กลิ่น และรสชาติของชาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ ยังใช้เทคโนโลยี Double Clean Room และ Dry Filling Process สามารถสร้างมาตรฐานความสะอาดและสุขอนามัยระดับเวิลด์คลาสเทียบเท่าห้องปฏิบัติการในโรงพยาบาล รวมถึงไปถึงการที่ไม่ใช้น้ำในการฆ่าเชื้อบรรจุภัณฑ์ แต่ใช้ไอน้ำและไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ในการฆ่าเชื้อ จึงทำให้ไม่มีสารเคมีตกค้างรวมถึงน้ำเสียจากกระบวนการผลิต กระทั่งได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (USFDA)

ในส่วนของบรรจุภัณฑ์ไม่ว่าจะเป็นกล่องยูเอชทีหรือแบบขวดพีอีที (PET) ที่ใช้พลาสติกน้อยและมีน้ำหนักเบาขึ้น ก็ล้วนช่วยประหยัดเชื้อเพลิงในการขนส่ง และยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแทบทั้งสิ้น

ขณะที่กระบวนการผลิตและตรวจสอบคุณภาพ ในทุกขั้นตอนของโรงงานโออิชินั้นผ่านการควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ดังนั้น ด้วยสายตาเปล่าของผู้เข้าเยี่ยมชมจึงมองไม่เห็นว่ามีพนักงานรายใดที่ต้องเดินเข้าใกล้ อุปกรณ์เครื่องจักรแม้เพียงนิด ตรงกันข้ามพวกเขาทำงานอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ในห้องแอร์เย็นสบาย ทั้งยังได้รับมาตรฐานการผลิตไม่ว่าจะเป็น ISO9001, ISO14001, ISO22000 และ GMP&HACCP

การตรวจสอบคุณภาพของโรงงานแห่งนี้เกิดขึ้นอย่างเข้มงวดในทุกขั้นตอนการผลิต เริ่มจากตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานของใบชาที่จะนำมาต้ม และการต้มจะทำเพียงครั้งเดียวเท่านั้น เพื่อรักษาคุณภาพรสชาติของ ชาที่ดีที่สุด เป็นมาตรฐานเดียวกันในทุกขวดและในทุกๆ กล่อง

ก่อนจะบรรจุยังต้องผ่านการทดสอบของทางห้องปฏิบัติการวิจัยและทดสอบคุณภาพซึ่งผ่านการทดสอบความชำนาญว่าเทียบเท่าหน่วยงานมาตรฐานทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เช่น สถาบันอาหาร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และ Laboratory of the Government Chemist ประเทศอังกฤษ เป็นต้น พร้อมกันนี้ในการลำเลียงสินค้าก็ได้ใช้เครื่องจักรและหุ่นยนต์เกรดเอที่ผลิตขึ้นในประเทศอิตาลี ทำให้สามารถขนถ่ายสินค้าและจัดเรียงได้อย่างรวดเร็ว ประหยัดเวลา ประหยัดพลังงาน แต่อย่างไรก็ตาม เครื่องจักรหรือหุ่นยนต์ก็คงไม่สามารถเดินเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยปราศจากคน

ประเด็นสำคัญอันนำมาซึ่งคุณภาพของโออิชิ ต้องสรุปว่าเกิดมาจากการที่พนักงานทุกคนที่ทำหน้าที่กันอย่างแข็งขันในส่วนงานที่รับผิดชอบ โดยเฉพาะในส่วนของความเป็นโรงงานผลิตแล้ว พนักงานตรวจสอบคุณภาพ (Quality Control : QC) อาจมีความโดดเด่นและฉายแสงเป็นลำดับต้นๆ ซึ่งโออิชิมี พนักงาน QC ถึงกว่า 20 คน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสินค้าที่ผลิตออกมาต้องได้มาตรฐานมีคุณภาพอย่างแท้จริง

ผู้บริหารของโออิชิกล่าวในตอนท้ายว่า ในปีนี้โออิชิจะนำที่สุดของสินค้าคุณภาพมาผนวกในกลยุทธ์ "CRADLE THE GRAVE" กลยุทธ์นี้อาจฟังแล้วรู้สึกคุ้นๆ เพราะหากย้อนกลับไปกว่าสิบปีก่อน มีหนังฝรั่งบู๊ล้างผลาญชื่อเดียวกันนี้ และถูกตั้งเป็นชื่อภาษาไทยว่า "คู่อริ ถล่มยกเมือง" ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ก็อาจมองได้ว่าโออิชิคงหวังให้คุณภาพของสินค้ากลายเป็นหมัดเด็ดน็อคคู่แข่งขัน เพื่อกลับมานั่งแท่นเบอร์หนึ่งอีกครั้ง