MANUFACTURING

PTT Global Chemical จับมือ เปอร์ตามิน่า ทำตลาดปิโตรเคมีในอินโดนีเซีย
POSTED ON 17/12/2556


อุตสาหกรรมการผลิต - พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTT Global Chemical) และ เปอร์ตามิน่า บริษัทน้ำมันแห่งชาติอินโดนีเซีย ลงนามสัญญาร่วมทุนจัดตั้งบริษัทเพื่อทำตลาดและการค้า ขยายตลาดโพลิเมอร์ในอินโดนีเซีย รองรับประชากรกว่า 250 ล้านคน พร้อมปูทางสร้างฐานการตลาดสำหรับปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ระดับโลก ที่มีเป้าหมายแล้วเสร็จใน ปี พ.ศ.2561

 

นายบวร วงศ์สินอุดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การลงนามสัญญาร่วมทุนในวันนี้ เป็นการร่วมการนำเข้าผลิตภัณฑ์เเม็ดกลาสติกที่ปัจจุบันที่อินโดนีเซียมีความต้องการผลิตภัณฑ์ 5,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี โดยเป็นก้าวสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จในอนาคตที่ PTTGC และ PERTAMINA ได้เตรียมลงทุนอุตสาหกรรมปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ ในปี 2561 วงเงินลงทุน 4-5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คาดลงทุนโอลเฟินส์ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านตัน/ปี รวมไปถึงอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ซึ่งผลการศึกษาว่าจะลงทุนพื้นที่ใดในอินโดนีเซียจะรู้ผลในกลางปี 2557

 

"นับเป็นร่วมมือของ 2 ประเทศรองรับเออีซี โดยผลิตภัณฑ์หลักจะป้อน แก่ชาวอินโดนีเซียเป็นหลักโดยในปีนี้พีทีทีจีซีส่งเม็ดพลาสติกไปอินโดนีเซีย 60,000 ตัน/ปี คาดหลังลงนามในวันนี้แล้วคาจะเพิ่มเป็น 90,000 ตันในปีหน้า" นายบวรกล่าว

 

ด้าน นายฮานุง บุดยา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการค้าและการตลาด (Mr.Hanung  Budya, Director - Marketing & Trading) เปอร์ตามิน่า กล่าวว่า อินโดนีเซียมีศักยภาพทางธุรกิจที่ดีที่สุดสำหรับตลาดผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในภูมิภาคนี้คาดว่าอีก 10 ความต้องการจะเพิ่มเป็น 30,000 ล้านเหรียญ การลงนามก่อตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อการตลาดและการค้าผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีและโพลิเมอร์นี้ เป็นความภาคภูมิใจ และสอดคล้องกับกลยุทธ์การเติบโตในธุรกิจขั้นปลายของเปอร์ตามิน่า โดยเฉพาะธุรกิจปิโตรเคมีอย่างชัดเจน โดยปัจจุบันเปอร์ตามิน่า มีสัดส่วนตลาดปิโตรเคมีในอินโดนีเซีย ร้อยละ 10 และคาดจะเพิ่มเป็นร้อยละ 30 หลังโรงงานร่วมทุนเกิดขึ้น

 

ก่อนหน้านี้ PTTGC และ PERTAMINA ได้มีการลงนามข้อตกลงเบื้องต้นในการร่วมทุนทำการผลิต (Manufacturing Joint Venture – Heads of Agreement) เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2556 ณ กรุงจาการ์ต้า การลงนามสัญญาเพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนการทำตลาดและการค้า (Marketing and Trading Joint Venture Agreement) ในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มยอดขายและช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่มโพลิเมอร์สู่ตลาดอินโดนีเซีย ตลอดจน บริษัทร่วมทุนสามารถให้บริการและทำความเข้าใจให้เข้าถึงลูกค้าได้ดีขึ้นก่อนที่จะมีการร่วมพัฒนาปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในอินโดนีเซีย สัญญาร่วมทุนที่ได้ลงนามแล้ว จะมีการอนุมัติตามระเบียบข้อบังคับของอินโดนีเซียต่อไป เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายในไตรมาสแรกของปี พ.ศ.2557