การผลิตอุตสาหกรรม - นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงจำนวนรถยนต์ที่ไทยผลิตได้ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ว่า มีจำนวน 648,508 คัน เพิ่มขึ้น 0.67% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือน เม.ย.2558 มีทั้งสิ้น 123,968 คัน ลดลง 2.18% จากเดือน เม.ย.2557 เละลดลง 30.44% จากเดือน มี.ค.2558 เนื่องจากเดือน เม.ย.มีวันทำงานน้อย เพราะหยุดช่วงเทศกาลสงกรานต์

ส่วนยอดประมาณการณ์การผลิตรถยนต์ในเดือน พ.ค.-ก.ค.2558 คาดว่า จะมีจำนวน 490,559 คัน เปรียบเทียบกับยอดผลิตจริงเดือน ก.พ.-เม.ย.2558 ซึ่งมีจำนวน 481,343 คัน เพิ่มขึ้น 9,216 คัน หรือ 1.91% และเมื่อเปรียบเทียบกับยอดผลิตจริงเดือน พ.ค.-ก.ค.2557 ซึ่งมีจำนวน 459,222 คันแล้ว เพิ่มขึ้น 31,337 คัน หรือ 6.82%

สำหรับยอดการส่งออกรถยนต์ในเดือน เม.ย.2558 มียอดส่งออกถึง 82,130 คัน เพิ่มขึ้น 17.66% เนื่องจากมีการส่งออกรถยนต์อีโคคาร์เพิ่มขึ้นในตลาดยุโรป และตลาดอเมริกาเหนือ ประกอบกับตลาดออสเตรเลียและเอเชียเริ่มฟื้นตัว โดยมีมูลค่าการส่งออก 39,102.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.21% จาก เม.ย.2557 ส่งผลให้การส่งออกรถยนต์ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ มียอดส่งออก 410,362 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 13.58% คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 185,987.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9.78%

ขณะที่ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือน เม.ย.2558 มีจำนวนทั้งสิ้น 54,058 คัน ลดลง 26.2% จากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรยังตกต่ำส่งผลให้เกษตรกรไม่มีอำนาจซื้อ รัฐบาลยังไม่เร่งรัดในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การเบิกจ่ายงบประมารการลงทุนแม้จะดีขึ้น แต่ยังต่ำกว่าเป้าหมาย สถาบันการเงินเข้มงวดการอนุมัติสินเชื่อจากหนี้ครัวเรือนสูงและเศรษฐกิจที่ชะลอตัว รวมทั้งการลงทุนภาคเอกชนที่ยังไม่ฟื้นตัวมาก

"หากสถานการณ์ส่งออกรถยนต์หากเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดว่าตลอดปีนี้น่าจะเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.2 ล้านคัน เห็นได้จากยอดส่งออก 4 เดือนแรกที่ดีเกินเป้าหมาย ส่วนยอดขายในประเทศปี 2558 ตั้งเป้าไว้ที่ 950,000 คัน แต่จากสถานการณ์ขณะนี้คาดว่าตลอดทั้งปีคงจะได้ไม่เกิน 900,000 คัน และมีโอกาสต่ำกว่าเป้า แม้รัฐบาลจะเร่งโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเต็มที่แล้วก็ตาม" นายสุรพงษ์ กล่าว

ขณะที่ทางด้านสำนักข่าวไทยรายงานว่า นายวิชัย จิราธิยุต ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ ระบุว่า สถาบันฯปรับลดประมาณการการผลิตยานยนต์ปีนี้เหลือเพียง 2 ล้านคัน จากเดิม 2.15 ล้านคัน แบ่งเป็นผลิตเพื่อการส่งออก 1.2 ล้านคัน และจำหน่ายในประเทศ 850,000-900,000 คัน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว ผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำส่งผลให้กำลังซื้อของประชาชนลดลง ดังนั้น จึงขยายตลาดยานยนต์ผ่านการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เนื่องจากไทยถือเป็นผู้ผลิตใหญ่ที่สุดในอาเซียน หากเปิดตลาดที่มีผู้บริโภคถึง 600 ล้านคนจะทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยขยายตัวมากขึ้น

ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายใน 2-3 ปีข้างหน้า หรือประมาณปี 2562 ไทยจะสามารถผลิตยานยนต์ได้รวม 3 ล้านคัน ซึ่งเป็นไปตามแผนการผลิตยานยนต์ที่ภาครัฐคาดการณ์ไว้ เนื่องจากไทยจะมีการพัฒนาเพื่อการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงาน (อีโคคาร์) รุ่นที่ 2 อีกประมาณ 1 ล้านคัน ส่งผลให้ยอดผลิตรวมจะเพิ่มเป็น 3.5 ล้านคันหลังจากปี 2562 ช่วยให้ไทยก้าวขึ้นสู่การเป็นฐานการผลิตยานยนต์ใหญ่อันดับ 8 ของโลก จากปี 2557 อยู่อันดับ 12 และอันดับ 9 ในปี 2556

อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการส่งเสริมให้อุตสาหกรรมเติบโตอย่างยั่งยืน รัฐบาลควรเร่งส่งเสริมให้ผู้ผลิตรถยนต์สามารถยื่นเรื่องจัดตั้งฟรีโซน เพื่อให้เกิดความสะดวกในการประกอบธุรกิจในการผลิตและส่งออกรถยนต์ ทำให้ไทยและประเทศในกลุ่มภูมิภาคอาเซียนก้าวเป็นฐานการผลิตในการส่งออกรถยนต์ไปสู่ตลาดโลก ซึ่งจะทำให้ยอดส่งออกรถยนต์ของไทยเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 5-10

ส่วนความคืบหน้าการสร้างสนามทดสอบยานยนต์นั้น กระทรวงอุตสาหกรรมเจรจากับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการใช้พื้นที่ 4,000 ไร่ เพื่อลงทุนก่อสร้างให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและรายย่อย (เอสเอ็สอี) มาใช้บริการ คาดจะสามารถเสนอแผนให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาได้ภายใน 3 เดือนข้างหน้า โดยเป็นความร่วมมือระหว่างสถาบันยานยนต์และสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.)