MANUFACTURING

ส.อ.ท.ฟันธงยอดผลิตรถหลุดเป้า ส่งออกทรุด ขายในประเทศดิ่ง
POSTED ON 29/11/2556


การผลิตอุตสาหกรรม - นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนาพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงจำนวนการผลิตรถยนต์ในเดือนตุลาคมว่ามีจำนวน 185,117 คัน น้อยกว่า 2 แสนคันติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า 26.9% ส่งผลให้ยอดการผลิตรถยนต์ตั้งแต่เดือนมกราคม-ตุลาคมนั้น มีจำนวนรวม 2,115,375 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกัน 7.07% และคาดว่าในช่วงเวลาอีก 2 เดือนที่เหลือนี้น่าจะมีกำลังการผลิต 390,686 คัน ก็น่าจะทำให้มียอดผลิตรวม 2.50 ล้านคันได้ ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ก่อนหน้านี้ที่ 2.55 ล้านคัน

 

ซึ่งจากกำลังการผลิตทั้งหมดนั้น แบ่งเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 1.4 ล้านคัน และส่งออกอีก 1.1 ล้านคัน ทั้งนี้ ส.อ.ท.คาดว่าหากในปีหน้าภาครัฐมีการอนุมัติ พ.ร.บ.พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประเทศ 2 ล้านล้าน ก็จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ประกอบกับคาดว่าในปีหน้าราคาพืชผลทางการเกษตรน่าจะดีกว่าปีนี้ ทำให้มียอดการผลิตเพิ่มขึ้น มีการส่งออกราว 1.2 ล้านคัน ส่วนยอดขายในประเทศยังคงต้องใช้เวลาในการประเมินสถานการณ์ด้านการเมืองประกอบอีกครั้ง

 

สำหรับด้านยอดขายนั้น ในเดือนตุลาคมมียอดขาย 88,989 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา 37.7% เนื่องจากค่ายรถยนต์ได้ส่งมอบรถคันแรกเกือบหมดแล้ว ทำให้ยอดขายตั้งแต่เดือนมกราคม-ตุลาคม รวมอยู่ที่ 1,123,268 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา 1.8%

 

ขณะที่ตลาดส่งออกเดือนตุลาคมสามารถส่งออกได้ 96,864 คัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า 1.44% มีมูลค่าการส่งออก 43,333 ล้านบาท และเมื่อรวมมูลค่าการส่งออกเครื่องยนต์ ชิ้นส่วนและอะไหล่มีมูลค่า 64,264 ล้านบาท สรุปยอดการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือนมกราคม-ตุลาคมรวมอยู่ที่ 944,205 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า 12.39% มูลค่าการส่งออก 427,004 ล้านบาท และรวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป รถจักรยานยนต์ เครื่งยนต์ ชิ้นส่วน อะไหล่ มีมูลค่า 674,015 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 8.4%

 

ทั้งนี้นักลงทุนได้เสนอแนะว่าอยากให้ภาครัฐเดินหน้าโครงการลงทุนขนาดใหญ่ต่าง ๆ แก้ปัญหาความขัดแย้งการเมือง พัฒนาเศรษฐกิจตามแนวชายแดน รวมถึงแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานด้วย

 

สำหรับก่อนหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้ปรับเป้ายอดการผลิตจากเดิม 3 ล้านคันในปี 2560 เพิ่มเป็น 3.4 ล้านคันนั้น ทาง ส.อ.ท.ก็มองว่ามีความเป็นไปได้ เนื่องจากโครงการอีโคคาร์เฟส 2 ที่ผู้ผลิตน่าจะเริ่มผลิตรถยนต์ได้ราวปี 2558-2559 ซึ่งน่าจะช่วยผลักดันยอดผลิตให้เพิ่มขึ้น

 

ด้าน นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า สิ่งที่กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและผู้ผลิตรถยนต์คือประเด็นด้านความขัดแย้งทางการเมือง ที่ยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะยืดเยื้อไปอย่างไร ที่ทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อ

 

ส่วนในปีหน้าประเด็นที่ต้องติดตามคือเรื่องการปรับราคาเชื้อเพลิง ทั้งก๊าซธรรมชาติ น้ำมันดีเซล ถ้าหากระดับราคายังตรึงอยู่เช่นปัจจุบันก็ถือว่าทิศทางตลาดยังคงเป็นบวกอยู่ หากมีโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ของภาครัฐออกมา ก็ยิ่งกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นปัจจัยที่สนับสนุนตลาดรถยนต์ให้เติบโตด้วย ส่วนการส่งออกน่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น มียอดส่งออกมากกว่า 1.2 ล้านคัน จากสภาพเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว ในประเทศเศรษฐกิจสำคัญ ทั้งอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น