LOGISTICS

"ไทคอน" จับมือ "SSIA-มิตซุย" ลุยธุรกิจคลังสินค้าและโรงงานในอินโดฯ
POSTED ON 26/05/2558


 

โลจิสติกส์อุตสาหกรรม - "ไทคอน" ผนึกกำลังกับ "SSIA" ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของอินโดนีเซีย และ "มิตซุย" จากญี่ปุ่น ก่อตั้งบริษัทร่วมทุนในอินโดนีเซีย ภายใต้ชื่อ “PT SLP SURYA TICON INTERNUSA” (SLP) ด้วยทุนจดทะเบียน 46.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตั้งเป้าเป็นผู้นำด้านการพัฒนาคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าระดับสากลในอินโดนีเซีย มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าหลักจากหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ ยานยนต์ อิเล็กทรอนิคส์ สินค้าอุปโภคบริโภค ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ เป็นต้น

 

นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TICON เปิดเผยรายละเอียดการร่วมทุนระหว่าง บริษัท พีที เซอร์ยา ซีเมสตา อินเตอร์นูซ่า ทีบีเค (PT Surya SemestaInternusaTbk - SSIA) และ บริษัท มิตซุย แอนด์คัมปนี ในการจัดตั้งบริษัทใหม่ในประเทศอินโดนีเซีย ภายใต้ชื่อว่า PT SLP SURYA TICON INTERNUSA”หรือ SLP ด้วยทุนจดทะเบียนขั้นต้น 46.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1,500 ล้านบาท โดย SSIA ถือหุ้นร้อยละ 50 ขณะที่มิตซุย และไทคอนถือหุ้นร้อยละ 25

 

ทั้งนี้ SLP มีเป้าหมายในการเป็นผู้พัฒนาและบริหารจัดการคลังสินค้าและโรงงานเพื่อให้เช่าระดับสากลในประเทศอินโดนีเซีย โดยโครงการนำร่องในเฟสแรก ครอบคลุมคลังสินค้า 16 ยูนิต ขนาดพื้นที่อาคาร 2,160 ตารางเมตร รวมพื้นที่ให้เช่าทั้งสิ้น 34,560 ตารางเมตร ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการแล้วเสร็จและมีผู้เช่าคลังสินค้าแล้วกว่า 81% โดย SLP วางแผนพัฒนาโครงการในระยะต่อไปในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ซึ่งเมื่อพัฒนาโครงการแล้วเสร็จจะทำให้ SLP มีพื้นที่คลังสินค้าและโรงงานให้เช่าภายในโครงการเทคโนปาร์ค (Technopark) รวมทั้งสิ้น 146,195 ตารางเมตร

 

 

นายโจแฮนนาส ซูเรียดาจา ประธานอำนวยการ บริษัท พีที เซอร์ยา ซีเมสตา อินเตอร์นูซา ทีบีเค (SSIA) กล่าวว่า “ปัจจุบันประเทศอินโดนีเซียเป็นจุดหมายปลายทางการลงทุนที่สำคัญ เนื่องจากรัฐบาลอินโดนีเซียอยู่ระหว่างการเพิ่มงบประมาณ 22,000 ล้านบาทในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่ได้วางแผนไว้แล้วในปีนี้ ซึ่งจะมีการเบิกจ่ายประจำปีเพื่อการบำรุงรักษาและยกระดับเครือข่ายโลจิสติกส์และบริการสาธารณะของประเทศ ด้วยเหตุนี้ จึงเห็นค่อนข้างชัดเจนว่าความต้องการคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าในอินโดนีเซียจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ”

 

“เนื่องจาก SSIA เป็นผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในอินโดนีเซีย บริษัทจึงได้เปรียบในด้านความรู้ความเข้าใจในท้องถิ่นเป็นอย่างดี โดยเฉพาะด้านโลเคชั่นในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม รวมไปถึงบริการที่จะส่งมอบให้กับลูกค้าของบริษัทSLP ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ โดย SLP ได้พัฒนาโครงการนำร่องบนที่ดินจำนวน 22 เฮกตาร์ในโครงการเซอร์ยาซิปตาร์เทคโนปาร์ค(SuryaciptaTechnopark) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณทางเข้านิคมอุตสาหกรรมเซอร์ยาซิปตาร์ซิตี้ (Suryacipta City of Industry) จังหวัดการาวัง ในจาวาตะวันตก กิโลเมตรที่ 55 ทางตะวันออกของกรุงจาการ์ตา

 

สำหรับเทคโนปาร์ค (Technopark) ถือเป็นทำเลยุทธศาสตร์ของอินโดนีเซีย เนื่องจากสะดวกต่อการเข้าถึงถนนสายสำคัญซึ่งสามารถเชื่อมต่อจากทางยกระดับไปยังสนามบินและท่าเรือ รวมถึงสนามบินการาวัง และท่าเรือซิลามายา ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้น นอกจากนี้ ในฐานะที่เป็นเมืองหลวงทางด้านตะวันออกของประเทศอินโดนีเซีย การาวังยังเป็นศูนย์กลางการเจริญเติบโตด้านการค้าและบริการที่ดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมด้านต่างๆ ให้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอีกด้วย

 

ด้าน นายเออิชิ ทานาเบ ผู้จัดการทั่วไป แผนกพัฒนาธุรกิจต่างประเทศที่ 2 ฝ่าย UrbanDevelopment บริษัท มิตซุย แอนด์คัมปนี กล่าวว่า “อินโดนีเซียได้กลายเป็นศูนย์กลางการลงทุนสำหรับบริษัทต่างชาติที่ทวีความสำคัญเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีสัดส่วนการลงทุนถึงร้อยละ 9.5 ในปี 2557 โดยอินโดนีเซียจะกลายเป็นฐานการผลิตที่มีความสำคัญในการรองรับความต้องการของตลาดภายในประเทศที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และยังมีส่วนผลักดันให้การส่งออกเติบโตได้อย่างมีศักยภาพอีกด้วย โดยเฉพาะหลังจากมีการรวมตัวกันของประชาคมอาเซียน (เออีซี) ภายในสิ้นปีนี้ บริษัทฯ มั่นใจว่า มิตซุย รวมถึงพันธมิตรมืออาชีพของเรา คือ SSIA และไทคอน จะสามารถผลักดันให้ SLP กลายเป็นผู้นำด้านการพัฒนาคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินโดนีเซียในอนาคต”