LOGISTICS

ค่า THC ยังไม่ได้ข้อสรุป เล็งตั้งอนุกรรมการจากผู้เกี่ยวข้องพิจารณา
POSTED ON 17/02/2558


โลจิสติกส์อุตสาหกรรม - นายสันติชัย สารถวัลย์แพศย์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางกรมการค้าภายในและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พยายามเจรจาหารือกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อหาอัตราที่เหมาะสมในการเรียกเก็บค่าภาระการขนถ่ายสินค้าหน้าท่า (THC) ของสายการเดินเรือ จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน แต่ในเบื้องต้นทางผู้ประกอบบางส่วนได้เสนอให้มีเรียกเก็บค่าภาระหน้าท่าอยู่ที่ 2,739 บวกอีก 3% เท่ากับค่าจ่ายใช้ทั้งสิ้น 2,820 บาทต่อตู้ 20 ฟุต ให้มีผลตั้งแต่เดือน มี.ค.2558 เป็นต้นไป เป็นระยะเวลา 6 เดือน ก่อนที่จะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนอีกครั้ง แต่ทางผู้ประกอบการสายเดินเรือได้ขอเวลาในการนำเรื่องดังกล่าวกลับไปหารือและแจ้งบริษัทแม่ก่อน และจะมาให้คำตอบอีกครั้ง

 

ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการสายเดินเรือไม่เห็นด้วยกับค่าใช้จ่ายที่มีการเสนอมา และด้วยความจำเป็น กรมการค้าภายในอาจจะต้องขอความร่วมมือผู้ประกอบการสายเดินเรือตรึงค่าใช้จ่ายเดิมที่ 2,600 บาทต่อตู้ 20 ฟุต ออกไปอีก 6 เดือนเช่นกัน จนกว่าจะได้ข้อยุติของค่า THC ที่ชัดเจนและเหมาะสม ขณะเดียวกันต้องเร่งศึกษาและสำรวจต้นทุนที่แท้จริงของค่า THC เพื่อหาค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมกับทั้ง 2 ฝ่าย

 

"ที่ผ่านมา กรมการค้าภายในได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการสายเดินเรือให้ชะลอการปรับขึ้นค่า THC ออกไป 60 วันนับตั้งแต่ต้นปี 2558 ซึ่งจะครบกำหนดในสิ้นเดือน ก.พ.2558 ค่าใช้จ่ายภาระหน้าท่าที่ผู้ประกอบการบางส่วนเสนอให้กับสายเดินเรือเรียกเก็บชั่วคราวไปก่อนนี้ยังไม่ใช่ข้อสรุปต้นทุนที่แท้จริง เป็นเพียงค่าใช้จ่ายที่ได้เจรจาประนีประนอมกัน ซึ่งจากที่ได้หารือและประชุมกันมาหลายครั้ง จึงได้อัตราค่าใช้จ่ายดังกล่าวนี้มา หากทางผู้ประกอบการสายเดินเรือเห็นชอบกับค่าใช่จ่ายนี้" นายสันติชัย กล่าว

 

โดยระหว่าง 6 เดือนที่ขอความร่วมมือกรมฯ จะเร่งเสนอให้คณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ซึ่งมี รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน พิจารณาในการตั้งอนุกรรมการเพื่อพิจารณาความเหมาะสมในการเรียกเก็บค่าภาระหน้าท่า เพื่อให้มีผลทางกฎหมาย โดยจะเพิ่มนักวิชาการ องค์กรภาคเอกชนด้านโลจิสติกส์ และผู้นำเข้า-ส่งออกเข้าในอนุกรรมการ เพื่อให้มีการยอมรับมากขึ้น

 

นายคงฤทธิ์ จันทริก ผู้อำนวยการบริหาร สภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับอัตราค่าใช้จ่ายที่มีการเสนอให้ผู้ประกอบการสายเดินเรือเก็บนั้น เป็นข้อเสนอจากสมาคมผู้นำเข้าและผู้ส่งออกระดับมาตรฐานเออีโอ ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกประมาณ 126 บริษัท โดยเสนอให้เรียกเก็บในอัตราค่าใช้จ่ายที่ 2,739 บาทต่อตู้ 20 ฟุต ซึ่งเป็นค่าใช้จ่าย 3 รายการ คือ ค่ายกตู้หน้าท่าเรือ ค่าใช้จ่ายผ่านท่าเรือ และค่าธรรมเนียมน้ำมัน หรือ ค่า Crane & Stevedore, Wharfage และ Fuel Surcharge และบวกอีก 3% คือค่าบริการจัดการที่ให้กับบริษัทสายเดินเรือ รวมแล้วคิดเป็นอัตราค่าใช้จ่ายภาระการขนถ่ายสินค้าหน้าท่า (THC) ทั้งสิ้น 2,820 บาทต่อตู้ 20 ฟุต ทั้งนี้ ทางสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือยังไม่สามารถยอมรับกับอัตราค่าบริการดังกล่าว เนื่องจากค่าบริหารจัดการเหมือนเป็นการเพิ่มกำไรให้กับสายเดินเรือ ซึ่งมองว่าไม่จำเป็น

 

โดยสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือยังต้องการให้เรียกเก็บในอัตรา 2,600 บาทต่อตู้ 20 ฟุต ซึ่งมีความเหมาะสมกับผู้ประกอบการและผู้ส่งออกมากกว่า และเป็นที่ยอมรับในอัตราค่าใช้จ่ายดังกล่าวด้วย อีกทั้งระหว่างเก็บอัตราค่าใช้จ่ายนี้ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทำโครงสร้างค่าใช้จ่ายขนส่งสินค้าทางทะเลทั้งระบบ เพื่อให้ได้อัตราค่าใช้จ่ายที่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง และให้ยึดอัตราค่าใช้จ่ายนี้ หากในอนาคตมีต้นทุนหรือภาระที่มีความจำเป็นต้องปรับขึ้น ก็สามารถพิจารณาเป็นเรื่องๆ ไป และให้ปรับขึ้นไปได้ เพื่อให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับต้นทุนปัจจุบันในขณะนั้น ซึ่งเห็นว่าผู้ประกอบการและผู้ส่งออกยอมรับได้

 

"สมาชิกของสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือมีกว่า 2,300 บริษัท และมีบางรายยังเป็นสมาชิกในสมาคมผู้นำเข้าและผู้ส่งออกฯ ด้วย ทั้งนี้ มองว่าการที่สมาคมผู้นำเข้าและผู้ส่งออกฯ เสนออัตราค่าใช้จ่ายนี้ ยังสามารถต่อรองอัตราค่าใช้จ่ายให้ถูกลงได้ ขณะที่ทางสภาผู้ส่งสินค้าฯ ส่วนใหญ่อำนาจต่อรองสายเดินเรือน้อยกว่า การเสนอราคาดังกล่าวจึงมองว่ายังไม่เหมาะสม และทางสภาผู้ส่งสินค้าฯ ต้องเจรจาต่อรองให้กับผู้ส่งออกและผู้ประกอบการที่ไม่ได้เป็นสมาชิกด้วย ตอนนี้คงต้องรอดูคำตอบจากสายเดินเรือก่อน" นายคงฤทธิ์ กล่าว

 

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ