IT & SOFTWARE

OMRON พัฒนาสายการผลิตอย่างต่อเนื่องโดยใช้บิ๊กดาต้า
POSTED ON 14/10/2558


 

ไอทีอุตสาหกรรม - ออมรอน (OMRON) ใช้ Big Data เพื่อช่วยให้คนทำงานหาวิธีการพัฒนากระบวนการผลิตแผงวงจรพิมพ์ โดยการบูรณาการข้อมูลที่ได้จากแต่ละจุดของสายการผลิต เพื่อให้เห็นภาพการเคลื่อนไหวตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงจุดสิ้นสุด เพื่อเปิดทางให้มีการหาปัญหาและสาเหตุได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ส่งผลให้ผลิตผลต่อหน่วยชั่วโมงเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน และยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

 

นายชินจิ มิซูโน (Mr.Shinji Mizuno) ผู้จัดการ บริษัท ออมรอน คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า "ออมรอนได้แสวงหาวิธีการพัฒนากระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำมาใช้ในโรงงานหลักที่ผลิตระบบอัตโนมัติสำหรับอุตสาหกรรมของบริษัทฯ ในเมืองคูซัตซึ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งสายการผลิตของแผงวงจรประกอบไปด้วยขั้นตอน 4 ขั้นด้วยกัน โดยขั้นตอนที่ 1 คือการเตรียมแผงวงจรโดยใช้การบัดกรี ส่วนขั้นตอนอีก 2 ขั้นถัดไปจะเกี่ยวข้องกับการวางชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ลงไปที่แผง และในขั้นตอนสุดท้าย จะผนึกชิ้นส่วนทั้งหมดไปที่แผงวงจรแบบถาวร"

 

"ข้อมูลล็อก (log data) จากอุปกรณ์แต่ละชิ้นในสายการผลิตจะมีการเก็บที่ฐานข้อมูลที่แยกต่างหาก เนื่องจากการบันทึกความผิดพลาดจากเครื่องจักรแต่ละเครื่องนั้นไม่ได้รวมกันไว้ในที่เดียว ทำให้การระบุต้นเหตุปัญหาทำได้ยาก ก่อนหน้านี้มีเพียงแค่พนักงานโรงงานที่มีประสบการณ์แล้วเท่านั้นที่จะตรวจสอบบันทึกความผิดพลาดในระบบการผลิตและการควบคุมเพื่อหาปัญหาได้ และในบางครั้งการหาต้นเหตุของปัญหาก็เกินความสามารถของพนักงานเหล่านี้ เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถตีความสัมพันธ์ระหว่างกระบวนการที่ซับซ้อนออกได้" นายมิซูโน กล่าว

 

ทั้งนี้ ออมรอน จึงได้ร่วมมือกับพันธมิตรอย่าง "ไมโครซอฟท์" (Microsoft) และ "ฟูจิตสึ" (Fujitsu) ในการทำพิสูจน์แนวคิด (Proof of Concept - PoC) การมองเห็นการเคลื่อนไหวของสายการผลิตแบบเรียลไทม์ โดยการเชื่อมแผงวงจรแต่ละแผงที่ผลิตเข้ากับประเภทข้อมูลแต่ละประเภทที่มีการบันทึกในระบบการผลิตแต่ละระบบในสายการผลิต โดยจุดประสงค์หลักของการทำ PoC นี้ก็เพื่อระบุจุดที่ต้องมีการปรับปรุง ซึ่งเป็นจุดที่หาได้ไม่ง่ายนัก แม้แต่พนักงานโรงงานที่มีประสบการณ์แล้วก็ตาม

 

ระบบนี้ออกแบบมาโดยใช้ Big Data ในการสนับสนุนพนักงานที่ทำงานในสายการผลิตทุกวันในการรวบรวมบล็อกข้อมูลจากอุปกรณ์แต่ละชิ้นในสายการผลิตแบบเรียลไทม์ ได้มีการใช้โปรแกรม Microsoft SQL Server และระบบ Sysmac NJ-series Machine Automation Controller ของออมรอนเอง ซึ่งช่วยควบคุมการเคลื่อนไหวของอุปกรณ์ และเครื่องยนต์แต่ละตัว โดยตั้งแต่เดือน ก.ย.2013 เป็นต้นมา ฟูจิตสึได้พัฒนาระบบที่สร้างรายงาน "Timeline Data Visualization" (การมองภาพข้อมูลตามแนวเวลา) ซึ่งเป็นรายงานที่เปิดโอกาสให้วิเคราะห์ข้อมูลตามจริงได้อย่างรวดเร็ว โดยวิเคราะห์จากมุมมองแผงวงจรแต่ละแผงหรือกระบวนการผลิต และจะแสดงสถานะการผลิตที่ละเอียดกว่าแต่ก่อน และง่ายพอที่ทุกคนจะเข้าใจได้

 

นอกจากนี้ รายงานยังแสดงแผนภาพการเคลื่อนไหวในสายการผลิตตามลำดับเวลา ซึ่งเปิดโอกาสให้พนักงานระบุได้ชัดเจนว่าผลิตผลมีการลดลงที่จุดไหนและเมื่อไหร่ และนำไปซ้อนทับกับ ข้อมูลอื่นๆ เพื่อค้นหาต้นเหตุที่แท้จริงของจุดที่เสื่อมประสิทธิภาพ

 

แม้แต่พนักงานที่ไม่มีประสบการณ์ก็สามารถวิเคราะห์สถานะการผลิตของแผงวงจรแต่ละแผงได้ ส่งผลให้มีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาและการผลิตเพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิมถึง 6 เท่า ตัวอย่างเช่น ปัจจุบันพนักงานโรงงาน 1 คน สามารถวิเคราะห์ต้นเหตุของปัญหาที่มีความซับซ้อนได้ ซึ่งเมื่อก่อนต้องใช้พนักงานที่มีประสบการณ์ทั้งหมด 6 คนในโรงงานผลิตมาช่วยวิเคราะห์ ทำให้พนักงานเหล่านี้มีเวลาเพิ่มมากขึ้น และจะใช้เวลานั้นไปมุ่งเน้นที่การออกแบบวิศวกรรมและกระบวนการผลิตแทน ส่งผลให้มีผลิตผลต่อหน่วยชั่วโมงเพิ่มขึ้น 30% ภายในเวลา 2-3 เดือน และยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

 

นอกจากนี้ ระบบใหม่ยังเปิดโอกาสให้พนักงานจากหลายๆ กะได้ร่วมมือกัน กล่าวคือ พนักงานสามารถเรียกดูแผนภาพการเคลื่อนไหวของการผลิตจากกะก่อนหน้า และระบุจุดที่ควรมีการพัฒนาได้ในขั้นต่อไป ออมรอนวางแผนที่จะจับคู่ข้อมูลวิดีโอของกระบวนการการตรวจสอบเข้ากับข้อมูลอื่นๆ เช่น อุณหภูมิ บันทึกความผิดพลาด และข้อมูลคุณภาพตามลำดับเวลา และนำไปแสดงใน Dashboard เดียวกัน ซึ่งแผนกการผลิตและแผนกการวางแผนจะนำข้อมูลนี้ไปใช้ในการพัฒนาเทคโนโลยีวางแผนการผลิตและทางการเงิน

 

ออมรอนและฟูจิตสึกำลังพิจารณาที่จะโปรโมทระบบที่ได้มีการพัฒนาร่วมกันที่สายการผลิตในโรงงาน Kusatsu ให้มีการใช้งานที่จุดอื่นๆ เพราะนวัตกรรมในการมองเห็นภาพการผลิตนี้จะนำไปสู่การเกิดไอเดียใหม่ๆ และมีการคาดการณ์ว่าห่วงโซ่นวัตกรรมนี้จะขยายการใช้งานไปตามแผนกอื่นๆ

 

บริษัท ออมรอน คอร์ปอเรชั่น เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้กับผลิตภัณฑ์ระบบอัตโนมัติและการแพทย์ ในเดือน ก.ค.2011 ที่ผ่านมา ออมรอนได้พัฒนา Value Generation 2020 ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ด้านการบริหารของบริษัทฯ ในระยะยาวถึงปี 2020 และยังได้สร้างเป้าหมายท้าทายให้ตนเองในด้านการเติบโตเพื่อก้าวสู่การเป็นบริษัทระดับโลก

 

ออมรอน เน้นย้ำเรื่องคุณภาพ ความปลอดภัยและสภาพแวดล้อม โดยให้การสนับสนุนนวัตกรรมการผลิตระดับโลก ด้วยเทคโนโลยีการควบคุมและการสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ ออมรอนมีส่วนแบ่งในตลาดประเทศญี่ปุ่นคิดเป็นอันดับหนึ่ง (40%) ในส่วนของธุรกิจด้านระบบอุปกรณ์ควบคุมและระบบอัตโนมัติในโรงงาน (Factory Automation - FA) และมีการดำเนินธุรกิจใน 80 ประเทศทั่วโลกทั้งในทวีปยุโรปอเมริกาเหนือ ประเทศจีน และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

 

นอกจากนี้ ออมรอนยังให้บริการโซลูชั่นการผลิตกับลูกค้าเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาด้านจัดการอันหลากหลายที่เกิดขึ้นในโรงงานการผลิต พร้อมๆ กับมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสายการผลิตในโรงงานของตนเอง โดยใช้ผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีการควบคุมของออมรอน

 

Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics