IT & SOFTWARE

ไมโครซอฟท์ จับมือมหาวิทยาลัยนำคลาวด์มาใช้ในห้องเรียนครั้งใหญ่ที่สุดในไทย
POSTED ON 17/12/2556


 

ข่าวไอที - บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศการนำระบบคลาวด์มาใช้ในระบบการศึกษาไทยครั้งใหญ่ที่สุดด้วยจำนวนนักศึกษาและบุคลากรระดับอุดมศึกษากว่า 2 ล้านคนจากมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วประเทศไทย ที่จะได้รับประโยชน์จากระบบคลาวด์ Office 365 for Education (ออฟฟิศ 365 เพื่อการศึกษา) ซึ่งมีจำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นถึง3เท่าในช่วงระยะเวลาเพียงหกเดือน หลังจากที่ไมโครซอฟท์ ได้ประกาศเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาว่า นักศึกษาและบุคลากรจากภาคการศึกษากว่า 700,000 คน ได้หันมาใช้ Office 365 for Education ซึ่งทำให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นประเทศแรกในอาเซียน และเป็นประเทศในลำดับ 5 ของโลก ในการนำระบบคลาวด์มาใช้ในห้องเรียนการผลักดันของไมโครซอฟท์ครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรในอนาคตให้กับประเทศไทย เพื่อก้าวสู่แรงงานที่มีคุณภาพและประสบความสำเร็จในสายอาชีพ

 

Office 365for Education ได้มอบประสิทธิภาพการทำงานบนระบบคลาวด์ให้กับสถาบันการศึกษาต่างๆ ที่ช่วยให้นักศึกษาและคณาจารย์สามารถสื่อสารและทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไร้รอยต่อของการทำงานบนแอพพลิเคชั่นต่างๆ ของ Office (ออฟฟิศ) ที่คุ้นเคย โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ปัจจุบันมีนักศึกษาและคณาจารย์มากกว่า 110 ล้านคนทั่วโลกที่ใช้ Office 365 for Education และสำหรับประเทศไทยยังมีผู้ใช้มากกว่า 60 มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ที่หันมาใช้บริการ Office 365 for Education

 

เตรียมความพร้อมให้กับผู้นำของประเทศไทยในอนาคต

 

จากผลการวิจัยล่าสุดจากไอดีซี เกี่ยวกับทักษะต่างๆที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพในอนาคตพบว่าผู้นำองค์กรต่างๆ จำเป็นที่จะต้องมีความสมดุลระหว่างความสามารถด้านทักษะวิชาชีพและทักษะความสามารถทั่วไปถึงแม้บริษัทส่วนใหญ่จะต้องการคนที่มีทักษะในด้านเทคนิค (Technical skills) สำหรับตำแหน่งงานที่มีรายได้สูง และต้องการบุคลากรที่มีความรู้และทักษะในการคิดวิเคราะห์ (Cognitive skills) ซึ่งสามารถใช้งานแอพพลิเคชั่นและโปรแกรมเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานด้วยเช่นกันนอกจากนี้ ไอดีซี ยังสำรวจพบด้วยว่าความเชี่ยวชาญในการใช้โปรแกรม ไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ Microsoft Office(ไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ)นับเป็นหนึ่งในทักษะสำคัญอันดับต้นๆ ซึ่งเป็นที่ต้องการในตลาดแรงงาน ในขณะที่ความสามารถในการใช้ PowerPoint และ Word อยู่ที่อันดับ 11 และ 13 จาก 20 อันดับทักษะที่เป็นที่ต้องการของตลาด

 

นายฮาเรซ คูบจันดานิ กรรมการผู้จัดการบริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ห้องเรียนและวิธีการสอนในปัจจุบันจำเป็นต้องสะท้อนถึงทักษะการทำงานที่จะเกิดขึ้นสำหรับลูกหลานของเราในอนาคต ไมโครซอฟท์เป็นองค์กรที่เชื่อในพลังของการศึกษาและเทคโนโลยี ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ‘We Make 70 Million Lives Better’ ในการร่วมสร้างชีวิตที่ดีขึ้นให้กับคนไทย 70 ล้านคน  เราได้ให้การสนับสนุนเครื่องมือและเทคโนโลยีที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพให้กับนักศึกษาและผู้สอน เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงการเรียนการสอนและช่วยให้นักศึกษาสามารถไปถึงศักยภาพที่แท้จริงของตนเองเพราะพวกเขา คือ ผู้นำในอนาคต ที่จะสามารถสร้างสิ่งดีๆ ให้กับประเทศและสังคมได้อย่างมากมาย จากการที่มหาวิทยาลัยในประเทศไทยจำนวนมากได้ตระหนักถึงประโยชน์ของ Office 365 และเทคโนโลยีคลาวด์ จะช่วยเปิดประตูให้กับการสอนในรูปแบบใหม่ ยิ่งช่วยให้ประเทศไทยเข้าใกล้การเป็นศูนย์กลางการศึกษาของอาเซียนไปอีกก้าวหนึ่ง”

 

ไมโครซอฟท์ สนับสนุน “Office”ฟรีสำหรับนักศึกษาได้ใช้งาน ผ่านโปรแกรมStudent Advantage Program

 

ไมโครซอฟท์ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับโปรแกรม Student Advantage Program ดังนี้ สำหรับโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาที่ให้บุคลากรและคณาจารย์ใช้บริการออฟฟิศอย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Office 365 Professional Plus หรือ Office Professional Plus สามารถรับสิทธิ์ให้กับนักศึกษาของสถาบันสามารถใช้งานได้ฟรีกว่าร้อยละ 98 ของนักเรียนและนักศึกษาที่ใช้ซอฟต์แวร์เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ใช้ Office แต่ส่วนใหญ่ยังคงใช้ซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นเก่า ซึ่งขาดฟีเจอร์ล่าสุดและดีที่สุด ด้วยโปรแกรม Student Advantage จะช่วยให้นักเรียนสามารถเข้าถึงประสบการณ์การใช้ Office ที่คุ้นเคยและมีการอัพเดทตลอดเวลาผ่านคลาวด์ ผ่านหลากหลายอุปกรณ์ ผ่านคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และมือถือ

 

การเรียนรู้ทุกที่ทุกเวลา

 

ไมโครซอฟท์ ได้ชี้ถึงเทรนด์ที่จะเปลี่ยนการศึกษา 6 ด้านได้แก่ นวัตกรรมการสอน การพัฒนาสู่ความรู้แบบดิจิตอล การทำงานได้อย่างมีประสทธิภาพแต่ใช้ทรัพยากรที่น้อยลง ความเร่งด่วนในการสร้างการเปลี่ยนแปลง การปรับให้เข้าใช้งานได้เฉพาะบุคคล และการนำไปใช้งานจริงปัจจุบัน การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของอุปกรณ์หรือดีไวซ์ต่างๆสำหรับผู้บริโภคและกลุ่มคนในยุคดิจิตอลที่กำลังเข้าสู่วัยทำงานได้ก่อให้เกิดความคาดหวังทางเทคโนโลยีจากที่ทำงานเพิ่มมากขึ้น ภายในปี ค.ศ.2016 คาดว่าจะมีการใช้สมาร์ทโฟนกว่า 1 พันล้านเครื่องทั่วโลก แล ะ350 ล้านเครื่องนั้นจะถูกนำมาใช้เพื่อการทำงาน                                                   

 

Office 365 for Education เชื่อมต่อประสบการณ์ผ่านอุปกรณ์ต่างๆสู่ห้องเรียนยุคใหม่ ด้วย Office 365นักศึกษาสามารถทำงานที่ได้รับมอบหมายร่วมกัน ผ่านการใช้งาน Office 365 ทั้งเปิดดู และแก้ไข ผ่านอุปกรณ์พกพาต่างๆ ที่มีแอพพลิเคชั่น จดบันทึกอย่าง OneNote Office Web Apps รวมไปถึงการประชุมผ่านเสียงหรือวิดีโอ Office 365 for Education มีความแตกต่างจากบริการคลาวด์อื่นๆ ที่สามารถทำงานได้ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ทำให้นักศึกษาและคณาจารย์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ทุกที่ทุกเวลา

 

การป้องกันข้อมูลผู้บริโภค

 

นายฮาเรซ กล่าวเพิ่มเติมว่า “การพัฒนาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีสู่คลาวด์ ทำให้องค์กรต่างๆ และผู้บริโภคต้องพิจารณาและให้ความสำคัญในเรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูล รวมถึงสถาบันการศึกษา ควรเลือกผู้ให้บริการที่ไม่นำข้อมูลของนักเรียนนักศึกษาไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์นอกเหนือจากวัตถุประสงค์เพื่อการเรียนการสอน ไมโครซอฟท์เคารพความเป็นส่วนตัวและรักษาข้อมูลของผู้ใช้งานและมีข้อผูกพันทางสัญญาว่าจะไม่สืบค้นข้อมูลของผู้ใช้งานมาใช้เพื่อผลประโยชน์ โดยผู้ใช้ทุกคนสามารถเข้าไปดูมาตรการต่างๆ ของไมโครซอฟท์ในการปกป้องข้อมูลของผู้บริโภคเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ The Office 365 Trust Center”

 

ทั้งนี้ เพื่อให้ลูกค้าใช้เทคโนโลยีอย่างมั่นใจ  เมื่อเร็วๆ นี้ ไมโครซอฟท์ ได้ประกาศเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเพื่อป้องกันรัฐบาลจากการลักลอบสอดแนมข้อมูลของประชาชนไมโครซอฟท์ได้เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับระบบการเข้ารหัสข้อมูลลูกค้าทั้งเครือข่ายและบริการต่างๆของไมโครซอฟท์ นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์จะใช้มาตรการใหม่ในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อปกป้องข้อมูลของลูกค้าตัวอย่างเช่น ไมโครซอฟท์จะมีการแจ้งเตือนลูกค้าทั้งจากภาคธุรกิจและภาครัฐทันทีที่ได้รับคำสั่งทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลของลูกค้า

 

นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ยังเพิ่มมาตรการในการเพิ่มความโปร่งใสในแผนระยะยาวของบริษัท เพื่อที่ลูกค้าภาครัฐสามารถที่จะเข้าถึงซอร์สโค้ดของไมโครซอฟท์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าและยืนยันว่าไม่มีการปกปิดข้อมูล  และเร็วๆ นี้ไมโครซอฟท์จะเปิดศูนย์เครือข่ายความโปร่งใส เพี่อที่ลูกค้าจะได้มั่นใจและเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ในความโปร่งใสของการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการจากไมโครซอฟท์ ซึ่งศูนย์เหล่านี้จะเปิดให้บริการใน เอเชีย อเมริกา และยุโรป