IT & SOFTWARE

?บัซซี่บีส์? เติบโตก้าวกระโดด ด้วย ?วินโดวส์ อาชัวร์? หนึ่งในคลาวด์ เซอร์วิส ของไมโครซอฟท์
POSTED ON 03/12/2556


 

ภายในระยะเวลาเพียง 1 ปีที่เปิดให้บริการ แอพพลิเคชั่น Buzzebees สามารถสร้างฐานผู้ใช้งานกว่า 2 ล้านคน ที่เข้ามาชมสิทธิพิเศษต่างๆ สูงถึง 2 หมื่นคนต่อวินาที หรือคิดเป็น 13 ล้านครั้งต่อเดือน โดยมีอัพไทม์ 99.95% ทั้งหมดนี้ เป็นจริงได้ด้วยประสิทธิภาพอันเต็มเปี่ยมของ Windows AzureTM (วินโดวส์ อาชัวร์) และการสนับสนุนอย่างใกล้ชิดจากทีมงานไมโครซอฟท์

 

“เมื่อเปรียบเทียบที่ความต้องการทางเทคนิคที่เหมือนกัน ปริมาณโหลดเท่ากัน และความง่ายในการใช้งาน เราเห็นชัดเลยว่า Windows Azure นั้นใช้งานได้ง่ายกว่า  ช่วยให้เราทำงานได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญ คือ ความคุ้มค่า ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง ซึ่งเรื่องนี้มีผลต่อการตัดสินใจมาก” นางสาวณัฐธิดา สงวนสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท บัซซี่บีส์ จำกัด

 

แม้ว่าที่ผ่านมา ทางทีมงานของบริษัท บัซซี่บีส์ จำกัด จะดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศให้กับหน่วยงานราชการเพียงด้านเดียวมาตลอด แต่ภายในเวลาเพียงปีเศษๆ นับจากปี พ.ศ.2554 ทางบริษัทฯ ได้เปิดตัวแอพพลิเคชั่นบนอุปกรณ์พกพาชื่อ Buzzebees (บัซซี่บีส์) ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นที่ผสมผสานระหว่างโซเชียลมีเดีย รอยัลตี้โปรแกรม และอีคอมเมิร์ซ เข้าด้วยกัน ด้วยแนวคิด ที่จะกระตุ้นให้ผู้ใช้จำนวนมากในโซเชียล มีเดีย เข้ามาทำกิจกรรมต่างๆ ผ่านแอพพลิเคชั่น ทั้งการโพสต์และแชร์ข้อความ รูปภาพ การกด Like การให้ความคิดเห็น หรือการชักชวนเพื่อนเข้าร่วมกิจกรรมด้วย แล้วผู้ใช้ก็จะได้รับคะแนนเป็นการตอบแทน และสามารถนำคะแนนเหล่านี้ไปใช้เป็นส่วนลดในการซื้อสินค้า หรือใช้บริการ รวมถึงลุ้นรับของรางวัลได้ฟรีจากธุรกิจที่เข้าร่วม ซึ่งจากผลตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ใช้ คาดว่าภายในสิ้นปี พ.ศ. 2556 นี้ จะมีผู้ใช้ติดตั้งแอพพลิเคชั่น Buzzebees ถึง 2 ล้านคน โดยมีอัตราการเข้าชมสูงถึง 2 หมื่นคนต่อวินาทีในช่วงที่มีโปรโมชั่น หรือประมาณ 13 ล้านครั้งต่อเดือน

 

ส่วนธุรกิจที่เข้าร่วมในกิจกรรมทางการตลาดลักษณะนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ ธุรกิจที่ต้องการแอพพลิเคชั่นภายใต้แบรนด์ของตนเอง (Privilege CRM Application) อาทิ AIS Privilege, Samsung Galaxy Gift, Galaxy Social Plus, Kimheng Gold และล่าสุดลูกค้าในต่างประเทศรายแรก อย่าง SingTel เป็นต้น ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีฐานลูกค้าที่ซื้อสินค้าหรือใช้บริการอยู่เป็นจำนวนมาก จึงต้องการแอพพลิเคชั่นที่จะมาสนับสนุนรอยัลตี้โปรแกรม โดยการมอบสิทธิพิเศษต่างๆ ให้กับลูกค้าของตน

 

ส่วนธุรกิจอีกประเภทหนึ่ง คือ ธุรกิจหรือร้านค้ารายย่อยที่เข้าร่วมรายการอยู่บน E-Commerce ภายในแอพพลิเคชั่น Buzzebees ซึ่งในปัจจุบันมีอยู่กว่า 2,000 ราย หมุนเวียนกันนำสินค้าราคาพิเศษ หรือสินค้าใหม่ๆ มาเข้าร่วมอย่างสม่ำเสมอ ในแง่ของธุรกิจ ผู้ใช้แอพพลิเคชั่น Buzzebees (รวมทั้งผู้ใช้ Privilege CRM Application) ก็จะได้ประโยชน์จากสิทธิพิเศษที่มีให้เลือกหลากหลายมากกว่า และยังทำให้ค่าใช้จ่าย   ในการบริหารจัดการ และใช้สิทธิพิเศษต่างๆ โดยรวมถูกลงด้วย

 

ความต้องการทางธุรกิจ

 

โดยทั่วไปแล้ว เมื่อธุรกิจเริ่มต้นวางแผนและออกแบบระบบหรือแอพพลิเคชั่นหลักของธุรกิจ ส่วนใหญ่จะเริ่มต้นความคิดด้วยการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีเองทั้งหมด แม้ว่าในปัจจุบัน แนวคิดเรื่องการใช้คลาวด์เซอร์วิสจะเข้ามาในประเทศไทยแล้ว แต่ก็ยังมีน้อยรายที่จะตัดสินใจเลือกวางระบบไอทีหลักของตนไว้บนคลาวด์เซอร์วิส กรณีศึกษาของ Buzzebees จึงมีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

 

นางสาวณัฐธิดา กล่าวว่า “ตอนที่เราเริ่มพัฒนาแนวคิดของแอพพลิเคชั่น Buzzebees นั้น เราเล็งเห็นว่าจำนวนผู้ใช้โซเชียลมีเดียมีมากขนาดไหน ตัวอย่างเช่น จำนวนผู้ใช้เฟซบุ๊กในประเทศไทยมีมากถึง 20 ล้านคน หากเราจะพัฒนาแอพพลิเคชั่นเพื่อให้ผู้ใช้สามารถทำกิจกรรมบนโซเชียลมีเดียแล้วได้รับคะแนน จากนั้นก็นำคะแนนที่สะสมมาแลกรางวัล เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงกับธุรกิจที่มาร่วมกิจกรรมกับเรา นั่นก็หมายความว่า เราต้องเตรียมพร้อมที่จะรองรับผู้ใช้จำนวนมากที่จะเข้าถึงระบบของเราพร้อมๆ กัน และจากอุปกรณ์พกพาแพลตฟอร์มต่างๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นวินโดวส์โฟน แอนดรอยด์ หรือไอโฟน ซึ่งนี่ถือเป็นความท้าทายอย่างมาก”

 

“นอกจากนี้ เรายังวางแผนไว้ตั้งแต่วันแรกเลยว่า เป้าหมายของเราจะไม่ใช่เพียงตลาดภายในประเทศเท่านั้น แต่จะต้องขยายไปยังตลาดต่างประเทศด้วย เนื่องจากบริษัทที่เป็นคู่ค้ากับเราในต่างประเทศ มีความต้องการแอพพลิเคชั่นทำนองนี้อยู่แล้ว เราจึงต้องหาแพลตฟอร์มที่สามารถซัพพอร์ตได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้เราสามารถขยายตลาดได้รวดเร็ว และบริหารจัดการได้ง่ายด้วย” นางสาวณัฐธิดา กล่าวเสริม

 

จากโจทย์ความต้องการทางธุรกิจของบริษัทฯ ทั้งในเรื่องความสามารถในการขยายระบบเพื่อรองรับผู้ใช้จำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว (Scalability) รองรับการทำงานกับอุปกรณ์พกพาหลากหลายแพลตฟอร์ม (Cross platform) และสนับสนุนให้การขยายตลาดไปยังต่างประเทศเป็นไปได้โดยสะดวก รวดเร็ว ทำให้บริษัทฯ ตัดทางเลือกในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีทั้งหมดด้วยตนเองออกไป เพราะมีความยุ่งยาก ซับซ้อน และต้องใช้เงินลงทุนสูงมาก ดังนั้น ตัวเลือกที่ดีที่สุดที่จะตอบโจทย์ทางธุรกิจนี้ ก็คือ Microsoft Windows Azure ซึ่งเป็นบริการคลาวด์คอมพิวติ้ง จากผู้ให้บริการที่มีความน่าเชื่อถือสูงอย่างไมโครซอฟท์ซึ่งช่วยตอบโจทย์ได้ทั้งเรื่องเงินลงทุน ความยืดหยุ่น รองรับการทำงานกับอุปกรณ์พกพาหลากหลายแพลตฟอร์ม (Cross platform) และมีความปลอดภัยสูงเมื่ออยู่บนคลาวด์

 

ทางแก้ปัญหา

 

ภายหลังจากการพิจารณาเปรียบเทียบอย่างถี่ถ้วนแล้ว ทางบริษัทฯ เลือกทำสัญญาใช้บริการ Windows Azure โดยเลือกแบบ Enterprise Agreement (EA) ซึ่งเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับความต้องการของธุรกิจ และยังทำให้ได้รับเงื่อนไขส่วนลดและการชำระเงินที่พิเศษกว่าแบบ Individual รวมทั้งสิทธิในการเข้าถึง Enterprise Portal สำหรับใช้ในการบริหารจัดการทรัพยากรระบบที่ได้เลือกใช้บริการไว้ โดยมีรายละเอียดในแต่ละด้าน ดังนี้

 

ประการแรกเลย เนื่องจากบริษัทฯ มองไปไกลถึงการขยายตลาดในต่างประเทศเป็นสำคัญ ตัวเลือกของผู้ให้บริการคลาวด์เซอร์วิส จึงเหลือเพียง Microsoft Windows Azure และ Amazon Web Services ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบที่ความต้องการทางเทคนิคเหมือนกัน ปริมาณโหลดเท่ากัน และความง่ายในการใช้งาน เราก็เห็นชัดเลยว่า Windows Azure นั้นใช้งานได้ง่ายกว่า ช่วยให้บริษัทฯ ทำงานได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญ การเลือกเป็นไลเซ่นส์ Enterprise Agreement (EA) นั้น มีความคุ้มค่ามาก ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง ซึ่งเรื่องนี้มีผลต่อการตัดสินใจมาก

 

นอกจากนี้ บริษัทฯ มองเรื่องความเชื่อถือได้ (Reliability) เพราะเวลาที่แจ้งสิทธิพิเศษใหม่ๆ ให้กับสมาชิกผ่านทางแอพพลิเคชั่น Buzzebees ในช่วงที่มีจำนวนผู้ใช้มากที่สุด จะมีผู้ใช้คลิกเข้ามามากถึง 20,000 คนในวินาทีนั้น นั่นหมายความว่า ระบบที่เลือกจะต้องพร้อมรองรับปริมาณโหลดขนาดนั้นได้ ซึ่งบริษัทฯ คาดหวังว่า ระบบจะต้องพร้อมทำงานตลอดเวลา หรือมีอัพไทม์ระดับ 99.95%

 

ประการต่อมา คือ ความง่ายในการใช้งาน (Simplicity) ซึ่งทีมซัพพอร์ตของบริษัทฯ 3 คน โดยเฉลี่ยแล้วแต่ละคนจะต้อง deploy ประมาณ 4-5 แพลตฟอร์มทุกวัน ดังนั้น จึงต้องพิจารณาว่าผู้ให้บริการรายใดจะช่วยให้งานของเราง่ายขึ้นด้วย

 

สิ่งที่โดดเด่นอีกประการที่เหนือผู้ให้บริการรายอื่นๆ คือ งานบริการสนับสนุนด้านเทคนิค (Technical Support services) ของไมโครซอฟท์ ที่ดีเยี่ยมซึ่งไม่เพียงแต่การตอบสนองที่รวดเร็วเมื่อได้รับแจ้งปัญหา และการติดตามผลอย่างใกล้ชิดเท่านั้น สิ่งที่สำคัญ คือ ทีมสนับสนุนด้านเทคนิคของไมโครซอฟท์ มีความรู้ ความชำนาญมาก ในการให้คำแนะนำเพื่อแก้ปัญหาทางเทคนิคต่างๆ ให้กับบริษัทฯ

 

ด้วยประสิทธิภาพของ  Windows Azure ทำให้การขยายบริการเป็นเรื่องง่ายดาย เมื่อทางบริษัทฯได้ทำสัญญาร่วมกับบริษัท SingTel ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ในประเทศสิงคโปร์ เพื่อเปิดให้บริการในลักษณะเดียวกัน ทีมงานได้ใช้เวลาเพียง 2 วันเท่านั้นในการเซตอัพระบบ และกำหนดให้สามารถแยกการบริหารจัดการเป็นรายประเทศ ช่วยให้การเซตอัพรวดเร็วขึ้น และบริษัทคู่ค้าในต่างประเทศก็จะสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับระบบได้ดียิ่งขึ้น

 

 

แผนงานในอนาคต

 

เป็นที่แน่นอนว่า Buzzebees จะไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้ ยังมีแผนที่จะขยายไปยังกลุ่มผู้ใช้ในโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มอื่นๆ และการเติบโตของตลาดภายในประเทศ ทั้งจำนวนสมาชิก จำนวนธุรกิจที่จะใช้บริการ Privilege CRM Application และจำนวนธุรกิจที่จะเข้ามาร่วมในส่วน E-Commerce ก็ยังมีโอกาสเพิ่มขึ้นได้อีกมาก รวมทั้งการเติบโตแบบก้าวกระโดดจากตลาดต่างประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้ ทาง Buzzebees ก็มีความเชื่อมั่นว่า Windows Azure จะสามารถรองรับการขยายตัวในอนาคตของ Buzzebees ได้อย่างแน่นอน

 

นอกจากแอพพลิเคชั่น Buzzebees แล้ว ทางบริษัทฯ ยังมีการพัฒนาอีกแอพพลิเคชั่นหนึ่ง คือ adBuzz เพื่อนำยอดสมาชิกกว่า 2 ล้านคน มาต่อยอดทางธุรกิจ โดยเฉพาะในวงการสื่อและโฆษณา ซึ่งประยุกต์หลักการคล้ายๆ กัน คือ สมาชิกที่ชมโฆษณา จะได้คะแนนสะสมเพื่อแลกของรางวัล หรือรับสินค้าตัวอย่าง ซึ่งขณะนี้ ทางบริษัทฯ ได้เปิดให้ผู้ใช้ ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น adBuzz ได้แล้ว และแน่นอนว่า แอพพลิเคชั่นนี้ก็รันอยู่บน Windows Azure เช่นกัน