Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics

นายมงคล พฤกษ์วัฒนา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ออกมาเตือนว่า เดือน เม.ย.-พ.ค.ในปีนี้ ประเทศไทยจะมีอุณหภูมิสูงกว่า 42-43 องศาเซลเซียส ซึ่งอาจส่งผลให้อุปกรณ์ไฟฟ้าและเครื่องจักรของโรงงานต้องทำงานหนัก ทำให้เกิดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้ในโรงงาน ดังนั้น กรอ.จึงมีมาตรการกำกับดูแลและแจ้งเตือนโรงงานให้ระมัดระวังอัคคีภัยและอุบัติเหตุในโรงงานที่อาจเกิดขึ้น โดยได้ออกเตือนและกำชับเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย หัวหน้างาน และคนงาน ในโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ ให้ระมัดระวังในการประกอบกิจการ และดำเนินการตามข้อปฏิบัติในการป้องกันอัคคีภัยในโรงงานที่จะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดเพลิงไหม้ในโรงงานได้ โดยเฉพาะผู้ประกอบการโรงงานควรปฏิบัติตามข้อปฏิบัติในการป้องกันอัคคีภัยในโรงงานและข้อควรระวังในการใช้ระบบทำความเย็นที่ใช้แอมโมเนียเป็นสารทำความเย็น

“ทาง กรอ.ได้เตรียมสั่งการให้พนักงานและเจ้าหน้าที่ของ กรอ. ดำเนินการตรวจติดตามการดำเนินการของผู้ประกอบการโรงงานให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัยในโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งจะช่วยลดความสูญเสียและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุเพลิงไหม้ได้” นายมงคล กล่าว

ทั้งนี้ กรอ.ได้จัดทำคู่มือป้องกันอัคคีภัยสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม โดยผู้ประกอบการโรงงานสามารถเข้าไปโหลดข้อปฏิบัติดังกล่าวได้ทางเว็บไซต์ของ กรอ. (www.diw.go.th)

อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า สถิติการเกิดเพลิงไหม้ในปี 2559 ของโรงงานจำพวกที่ 3 ทั่วประเทศ มีทั้งหมด 117 ครั้ง มาจากอุตสาหกรรม 8 กลุ่ม หากคิดเป็นอัตราส่วนระหว่างอัคคีภัยกับจำนวนโรงงานแต่ละประเภท พบว่า กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมสารไวไฟ การจัดการกากอุตสาหกรรม รีไซเคิลน้ำมัน เคมีภัณฑ์ ปิโตรเคมี สิ่งทอ และเส้นใย ซึ่งพบว่า สาเหตุของการเกิดไฟไหม้บ่อยที่สุด คือ เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร รองลงมาคือ สาเหตุจากการซ่อม การเชื่อม การกรองเชื้อเพลิง