HOT

ผุดยางล้อประชารัฐ แบรนด์ TH-TYRE ราคาถูกกว่าท้องตลาด 20-30%
POSTED ON 18/04/2560


Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics

 

 

นายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวว่า กยท.ได้จัดทำโครงการ “ยางล้อประชารัฐ” หนึ่งในโครงการที่จะมีการนำยางไปใช้ให้มากที่สุด โดยได้จับมือกับ บริษัท ดีสโตน จำกัด ผู้ผลิตยางล้อของไทยที่ส่งจำหน่ายไปทั่วโลก เพื่อร่วมกันผลิตยางล้อภายใต้แบรนด์ “ไทย-ไทเออร์” (TH-TYRE) ซึ่งเป็นยางล้อรถจากวัตถุดิบชั้นเยี่ยมของชาวสวนยางไทย ผลิตจากบริษัทคนไทยที่มีมาตรฐาน คุณภาพระดับสากล และเป็นผลิตภัณฑ์ยางเกิดจากการบูรณาการจากองค์กร 3 ภาคส่วน ได้แก่ ภาครัฐ เอกชน และเกษตรกร โดยเบื้องต้นจะใช้ยางสำหรับโครงการนี้ประมาณ 2,800 ตัน จากเป้าหมายรวมประมาณ 100,000 ตัน

 

จุดเด่นของยางล้อแบรนด์ไทย-ไทเออร์ คือราคาที่ถูกกว่ายางล้อในท้องตลาดทั่วไปราว 20-30% เพราะใช้วัตถุดิบและกระบวนการผลิตภายในประเทศ โดยไทย-ไทเออร์จะผลิตล้อยางที่สามารถรองรับความต้องการของผู้ใช้ยานพาหนะ 3 ประเภท ประกอบด้วย ยางล้อรถมอเตอร์ไซค์ (2 ล้อ) และยางล้อรถยนต์ (4 ล้อ) เพื่อรองรับรถแท็กซี่ รถตู้ รถยนต์ทั่วไป โดยจะผลิตยางประเภทละ 2 รุ่น ซึ่งขณะนี้มีการผลิตตัวโมเดลออกมาแล้ว เป็นยางรถมอเตอร์ไซค์ รุ่น D809 ราคาเส้นละ 263.95 บาท และรุ่น D977 ราคา 262.25 บาท ส่วนยางล้อรถยนต์ รุ่น R302 ราคาเส้นละ 1,785 บาท กับรุ่น R402 ราคา 1,860 บาท ส่วนยางรถยนต์จะมีขอบวงหลายรุ่น และมีความหนาของหน้ายาง (ซีรีส์) แตกต่างกันไป แต่ราคาจะไม่ต่างกันมากนัก

 

นายธีธัช ยังเปิดเผยด้วยว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ไทยมีผลผลิตยางประมาณ 4.47 ล้านตัน แต่สามารถนำไปใช้ภายในประเทศเพียง 0.6 ล้านตัน หรือ 13.42% ของผลผลิตทั้งหมด และยางส่วนใหญ่ถูกใช้ในการผลิตยางยานพาหนะ 0.34 ล้านตัน คิดเป็น 56.48% ของปริมาณยางทั้งหมด

 

ขณะที่ในปี 2560 แนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศจะเติบโตขึ้นจากตลาดส่งออกที่มีการขยายสู่ภูมิภาคอาเซียนตามแผนการส่งออกรถอีโคคาร์จากเงื่อนไขการขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ รวมไปถึงภาวะเศรษฐกิจของโลกที่คาดว่าจะค่อย ๆ ดีขึ้น ประกอบกับนโยบายของไทยที่มุ่งผลักดันและส่งเสริมการใช้ยางพาราในประเทศให้มากยิ่งขึ้น ด้วยการนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหากมีการนำผลผลิตยางไปผลิตยางล้อรถยนต์นั่งที่มีส่วนผสมของยางพาราเพิ่มขึ้นให้ได้มาตรฐานคุณภาพในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด ก็น่าจะเป็นโอกาสในการนำวัตถุดิบที่ผลิตได้ในประเทศมาเพิ่มรายได้ให้กับประเทศชาติมากขึ้น ทาง กยท.ได้จัดทำโครงการยางล้อประชารัฐ ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการที่จะมีการนำยางไปใช้ให้มากที่สุด โดยกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ถือเป็นหนึ่งในธุรกิจเป้าหมายที่มีการใช้วัตถุดิบจากยางพาราเป็นจำนวนมาก