ข่าวอุตสาหกรรม 10 ต.ค.2559 - นายธีรยุทธ เลิศศิรรังสรรค์ นายกสมาคมการค้าเหล็กลวดไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์ราคาเหล็กลวดในประเทศกำลังตกต่ำ เป็นผลจากราคาในตลาดโลกผันผวน ส่วนราคาวัตถุดิบหรือบิลเลตก็มีการขึ้นลงเช่นกัน ซึ่งลดลงมาจากช่วงกลางปีค่อนข้างมาก สาเหตุเพราะมีการนำเหล็กจีนเข้ามาทุ่มตลาด และมีการเก็บตุนไว้เก็งกำไรอีก ทำให้ราคาเหล็กในปัจจุบันไม่ได้สะท้อนภาพที่แท้จริง คาดว่าถึงสิ้นปีนี้ราคาเหล็กลวดจะเคลื่อนไหวไม่เกิน 15 บาทต่อกิโลกรัม ส่งผลให้ตอนนี้หลายบริษัทต้องลดกำลังการผลิตลง ขณะที่โรงงานขนาดเล็กบางรายอาจมีแนวโน้มต้องปิดกิจการ

หากย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 2-3 ปีก่อน ราคาเหล็กลวดเฉลี่ยสูงถึง 18 บาทต่อกิโลกรัม ก่อนที่จะมีการทุ่มตลาดจากจีน เหล็กลวดที่นำเข้าจากจีน ราคาเฉลี่ยเพียง 13.13 บาทต่อกิโลกรัม และไม่ใช่เหล็กลวดชั้นคุณภาพ นำเข้ามาเพื่อใช้งานทั่วไป ไม่ได้นำมาใช้สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์และอุปกรณ์ไฟฟ้าตามวัตถุประสงค์ของการยกเว้นอากรตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) ส่งผลให้ผู้ผลิตในประเทศต้องแข่งขันอย่างรุนแรงในตลาด เพราะถูกกดราคาลงไปด้วย

อย่างไรก็ตามได้มีการประเมินโอกาสที่ราคา เหล็กลวดจะมีการปรับเพิ่มขึ้นในปี 2560 เนื่องจากโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของภาครัฐเริ่มทยอยอนุมัติออกมา เมื่อความต้องการเพิ่มราคาเหล็กขยับขึ้น

ด้าน นายสมศักดิ์ เจียรวิชญ์ จาก บริษัท ไทยคูน เวิลด์ไวด์กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเหล็กลวด เหล็กเส้น กล่าวว่า หลังจากถูกการทุ่มตลาดและราคาเหล็กในประเทศปรับตัวลดลง ส่งผลให้บริษัทฯต้องลดกำลังการผลิตลงกว่า 50% จาก 500,000 ตันต่อวัน เหลือเพียง 250,000 ตันต่อวันเท่านั้น หลังจากเข้ามาร่วมเป็นสมาชิกกับทางสมาคมการค้าเหล็กลวดไทยจะใช้ความร่วมมือของสมาชิกเพื่อหารือกับทางภาครัฐให้มีมาตรการช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด ก่อนที่หลายบริษัทจะต้องปิดกิจการลง

“ตอนนี้ต้องหันไปผลิตเหล็กเกรดพิเศษ เช่น เหล็กที่นำไปใช้ในชิ้นส่วนรถยนต์ เพื่อประคองธุรกิจ แม้ว่าต้นทุนการผลิตจะสูงขึ้นบ้าง แต่เพื่อให้มีรายได้เข้ามาและมีสินค้าป้อนให้กับลูกค้า และยังเป็นการหาช่องทางเปิดตลาดใหม่ ทดแทนจากที่สูญหายไปกับราคาเหล็กลวดที่ตกลง” นายสมศักดิ์ กล่าว

Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics