HOT

ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ เม.ย.2559 ร่วง ผลกระทบจากวันหยุดยาว
POSTED ON 25/05/2559


ข่าวอุตสาหกรรม 25 พ.ค.2559 - นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน เม.ย.2559 อยู่ที่ระดับ 85.0 ปรับตัวลดลงจากระดับ 86.7 ในเดือน มี.ค.2559 โดยค่าดัชนีฯที่ลดลงนั้นเนื่องจากจากในเดือน เม.ย.มีวันทำงานน้อย มีวันหยุดต่อเนื่องในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทำให้การใช้กำลังการผลิตลดลง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เช่น อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเลคทรอนิคส์ ปูนซีเมนต์ พลาสติก และปิโตรเคมี

 

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังมีความกังวลต่อการแข็งค่าของเงินบาทที่กระทบต่อขีดความสามารถในการส่งออกและปัญหาภัยแล้ง ทำให้ขาดแคลนวัตถุดิบ ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตในอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้น

 

แต่ยังมีดัชนีที่ชี้ให้เห็นถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ นั่นก็คือ ปริมาณการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศ ซึ่งขยายตัวต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือน ธ.ค.2558 จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ทั้งนี้ ปริมาณการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศช่วงที่ผ่านมานับตั้งแต่เดือน ธ.ค.2558 มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น 2.9% ขณะที่ในเดือน ม.ค.2559 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 2.0%, เดือน ก.พ.2559 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 7.9% และเดือน มี.ค.2559 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 3.9% โดยมีความต้องการใช้ในประเทศเฉลี่ย 3 ล้านตันต่อเดือน

 

สำหรับข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการที่มีต่อภาครัฐในเดือน เม.ย.2559 คือ เร่งส่งเสริมการเปิดตลาดใหม่ในกลุ่ม CLMV โดยเน้นระดับเมืองใหญ่ เพื่อขยายช่องทางการกระจายสินค้า พร้อมสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพื่อการลงทุนปรับปรุงเทคโนโลยีการผลิต อีกทั้งพัฒนามาตรฐานฝีมือแรงงานและระบบการรับรองความสามารถของกำลังแรงงาน และรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวน

 

ด้าน นายสมชาย หาญหิรัญ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) และโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในปี 2559 นี้ กสอ.ตั้งเป้าที่จะพัฒนาการรวมกลุ่มของผู้ประกอบการคลัสเตอร์อุตสาหกรรมให้ได้ไม่ต่ำกว่า 2,000 ราย จากปัจจุบันได้ดำเนินการไปแล้วประมาณ 1,500 ราย รวมถึงเตรียมแผนจัดสรรงบประมาณในปี 2560 เพื่อยกระดับและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของคลัสเตอร์อุตสาหกรรมให้สอดคล้องกับกลุ่มซูเปอร์คลัสเตอร์ โดยเฉพาะในกลุ่มที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงสามารถที่จะพัฒนาต่อยอดไปได้ ซึ่งจะเริ่มต้นจากการนำผู้ประกอบการรายเล็ก เข้าไปร่วมเกาะกลุ่มกับผู้ประกอบการรายใหญ่เพื่อช่วยเหลือในการเข้าไปเจรจาทำตลาดกับผู้บริโภค

 

ทั้งนี้ คาดว่าผลจากความร่วมมือดังกล่าวจะสามารถสร้างยอดจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้น กระตุ้นการส่งออก และสร้างมูลค่าของอุตสาหกรรมไม่ต่ำกว่า 12,000 ล้านบาท จาก 6 สาขาอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องสำอาง อัญมณีและเครื่องประดับ อาหารแปรรูป สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม และปาล์มน้ำมัน

 

Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics