HOT

ต่ออายุเซฟการ์ดอุตฯเหล็กเพิ่มอีก 3 ปี
POSTED ON 11/04/2559


ข่าวอุตสาหกรรม 11 เม.ย.2559 - ผู้ผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนฯ 4 ราย ซึ่งมีส่วนแบ่งในตลาดเหล็กถึง 89% ได้แก่ (1) บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) (2) บริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) (3) บริษัท จี เจ สตีล จำกัด (มหาชน) และ (4) บริษัท สหวิริยาเพลทมิล จำกัด (มหาชน) ได้ร้องเรียนถึงปัญหาการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศที่ยังคงเพิ่มขึ้นหลังสิ้นสุดการใช้มาตรการปกป้องสินค้านำเข้าที่เพิ่มขึ้น (เซฟการ์ด) ช่วงแรก ซึ่งจะเห็นว่าในช่วงที่มีการใช้มาตรการเซฟการ์ดช่วงแรกการนำเข้าลดลง แต่หลังสิ้นสุดการใช้เซฟการ์ดมีปริมาณการนำเข้าเหล็กเพิ่มขึ้น 64.96%

 

ดังนั้น เมื่อวันที่ 29 ก.พ.2559 ที่ผ่านมา นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมช.พาณิชย์ รักษาการแทน รมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณามาตรการปกป้อง ภายใต้ พ.ร.บ.มาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น พ.ศ.2550 จึงได้มีคำสั่งประกาศขยายระยะเวลาในการใช้มาตรการเซฟการ์ดในกลุ่มสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเจืออื่นๆ ชนิดเป็นม้วน และไม่เป็นม้วน ต่อเนื่องอีก 3 ปี

 

โดยกำหนดอัตราภาษีเซฟการ์ด 3 ระยะ คือ (1) 41.67% ของราคา C.I.F ในปี 2559-2560 (2) 40.42% ในปี 2560-2561 และ (3) 39.21% ในปี 2561-2562 เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในให้สามารถปรับตัวเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขัน และช่วยให้เกิดการจ้างแรงงานอีก 105.02 ล้านคนต่อไป

 

ด้าน นายวันชัย วราวิทย์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า เซฟการ์ดเป็นการปกป้องเพื่อให้ระยะเวลาอุตสาหกรรมภายในปรับตัว เพื่อให้แข่งขันให้ได้ หลังสิ้นสุดเซฟการ์ดแล้ว บริษัทผู้ผลิตต้องเสนอแผนปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตเป็นรายบริษัทมาที่กรมฯ เป็นแผนปรับตัวของอุตสาหกรรมภายใน ด้านการพัฒนาการผลิต เพื่อให้ราคาสามารถแข่งขันกับสินค้านำเข้าได้เมื่อไม่มีเซฟการ์ด

 

ทั้งนี้ ทางคณะอนุกรรมการทางเทคนิคที่มีกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธานต้องพิจารณาประกอบการออกมาตรการเซฟการ์ดด้วย โดยจะมีการประชุมประเมินและติดตามการดำเนินการทุกเดือน ในกรณีที่มีการต่ออายุมาตรการต้องพิจารณาว่าการฟื้นฟูกิจการหลังจากได้รับความเสียหายและประกาศใช้มาตรการเซฟการ์ดช่วงแรกแล้ว สามารถฟื้นฟูประสิทธิภาพการผลิตตามแผนที่เสนอมาในช่วงแรกได้เพียงพอหรือไม่

 

โดยแผนในระยะแรก ระหว่างปี 2556-2558 อุตสาหกรรมภายในได้ดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อลดต้นทุนและพัฒนาสินค้าประมาณ 25 โครงการ โดยเป็นการติดตั้งเครื่องจักรอุปกรณ์ใหม่มูลค่า 87 ล้านบาท ส่วนแผนปรับปรุงกิจการระยะที่สอง ระหว่างปี 2559-2561 ได้เสนอแผนติดตั้งเตาเผาใหม่ ก่อสร้างและติดตั้งสถานีและท่อส่งก๊าซ การปรับเปลี่ยนเครื่องจักร อุปกรณ์ เพื่อเพิ่มผลิตภาพและความสามารถในการผลิต พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ และพัฒนาบุคลากร

 

นายวันชัย กล่าวว่า ผลจากการใช้มาตรการเซฟการ์ดอาจทำให้ผู้ผลิตภายในปรับขึ้นราคาปลายทางได้ แต่ในการกำกับดูแลราคาภายในนั้น ทางเอกชนต้องแจ้งการปรับราคาไปที่กรมการค้าภายใน ซึ่งโดยปกติราคาสินค้าจะต้องปรับขึ้นเพื่อไม่ให้ขาดทุน เพราะทุกวันนี้ต้องขายขาดทุน ซึ่งเมื่อมีการประกาศมาตรการ 30% ราคาก็จะปรับขึ้น 30%

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากออกมาตรการเซฟการ์ดแล้ว หากมีผู้ใช้เหล็กได้รับผลกระทบก็สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ โดยต้องมีหลักฐานและข้อมูลแสดงให้เห็นว่ามีความจำเป็นต้องนำเข้าสินค้าเหล็กจากต่างประเทศ เพราะเป็นกลุ่มสินค้าพิเศษที่มีคุณภาพและมาตรฐานที่ผู้ผลิตภายในประเทศไม่สามารถผลิตได้ หากยื่นอุทธรณ์เข้ามาจะมีคณะอนุกรรมการอีกชุดหนึ่งซึ่งมีสถาบันเหล็กเป็นประธานพิจารณาความจำเป็นในการยกเว้นการใช้มาตรการเซฟการ์ดให้เป็นรายกรณีไป

 

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 31 มี.ค.2559 ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเหล็กไทย 7 สมาคม ซึ่งได้แก่ (1) สมาคมเหล็กแผ่นรีดร้อนไทย (2) สมาคมเหล็กแผ่นรีดเย็นไทย (3) สมาคมผู้ผลิตท่อโลหะและแปรรูปเหล็กแผ่น (4) สมาคมผู้ผลิตเหล็กทรงยาวด้วยเตาอาร์คไฟฟ้า (5) สมาคมการค้าเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสี (6) สมาคมผู้ผลิตเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน และ (7) กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กแผ่นเคลือบดีบุก เหล็กแผ่นเคลือบโครเมียม ซึ่งมีสมาชิกรวมกันกว่า 470 บริษัท ได้เข้าพบ นางอรรชกา สีบุญเรือง รมว.อุตสาหกรรม และ นายธวัช ผลความดี เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เพื่อหารือความคืบหน้าการดำเนินการของกระทรวงอุตสาหกรรมในการกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรม เพื่อป้องกันการนำเข้าสินค้าเหล็กด้อยมาตรฐานเข้ามายังประเทศไทย

 

โดยมาตรการระยะกลางและระยะยาวนั้น กลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเหล็กไทยเสนอให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาทบทวน พ.ร.บ.ผลิตภัณฑ์มาตร ฐานอุตสาหกรรม ให้มีความรัดกุมขึ้น เพื่อป้องกันการนำเข้าสินค้าเหล็ก โดยอ้างนำเข้าเป็นครั้งคราว หรืออ้างนำเข้ามาใช้เอง แต่มีการนำไปแปรรูปเป็นสินค้าอื่นเพื่อจำหน่ายต่อ โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนการตรวจรับรองมาตรฐานตามปกติ ซึ่งมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย และไม่เป็นธรรมกับผู้ประกอบการที่ดำเนินการตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมอย่างครบถ้วน

 

Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics