ข่าวอุตสาหกรรม 6 ม.ค.2559 - นสพ.ฐานเศรษฐกิจ รายงานข่าวในวันนี้ว่า นายสมศักดิ์ จันทรรวงทอง เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เปิดเผยว่า ได้มีผู้ประกอบการยื่นเรื่องขอตั้ง ย้าย และขยายโรงงานน้ำตาลมาที่ สอน.ตั้งแต่เดือน ก.ย.2558 ที่ผ่านมา จำนวนทั้งสิ้น 30 คำขอ

โดย สอน.ได้พิจารณาตามหลักเกณฑ์และวิธีการรับรองใบอนุญาตตั้งหรือขยายโรงงานน้ำตาลฉบับใหม่ และออกใบอนุญาตตั้งโรงงานหรือให้ย้ายโรงงานน้ำตาลในเบื้องต้นได้แล้วจำนวน 6 แห่ง ได้แก่ (1) โรงงานน้ำตาลมิตรกาฬสินธุ์ ตั้งอยู่ในจังหวัดอำนาจเจริญ (2) โรงงานน้ำตาลบ้านโป่ง จังหวัดร้อยเอ็ด (3) โรงงานน้ำตาลบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ (4) โรงงานน้ำตาลมิตรผล จังหวัดชัยภูมิ (5) โรงงานอุตสาหกรรมน้ำตาลปราณบุรี จังหวัดเพชรบุรี และ (6) โรงงานน้ำตาลมิตร จังหวัดร้อยเอ็ด โดยแต่ละโรงงานมีกำลังการผลิตแห่งละ 20,000 ตันต่อวัน หากรวมกำลังหีบอ้อยทั้งหมดจะตก 14.4 ล้านตันอ้อยต่อปี ซึ่งจะใช้เงินลงทุนรวมกันประมาณ 30,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ยังมีโรงงานน้ำตาลที่อยู่ในข่ายจะได้รับการอนุมัติใบอนุญาตอีก 6 โรงงาน ซึ่ง สอน.กำลังอยู่ระหว่างรอการพิสูจน์ปริมาณอ้อยตามแผนการส่งเสริมการปลูกอ้อย และอีกส่วนอยู่ระหว่างการหาข้อยุติในขั้นตอนของกฎหมาย หลังจากที่มีผู้ประกอบการบางรายยื่นฟ้องกระทรวงอุตสาหกรรม กรณีที่ บริษัท น้ำตาลไทยเอกลักษณ์ จำกัด ของกลุ่ม KTIS ได้ยื่นฟ้อง รมว.อุตสาหกรรม ที่ไม่นำเรื่องขอย้ายโรงงานน้ำตาลเสนอให้ ครม.พิจารณา

นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ในการอนุมัติใบอนุญาตตั้งโรงงานน้ำตาลทรายดังกล่าว ทาง สอน.ได้ให้ผู้ประกอบการมาลงนามรับทราบในเงื่อนไขที่จะต้องปฏิบัติภายในระยะเวลา 60 วัน นับจากวันประกาศ เพื่อให้ผู้ประกอบการเร่งรัดการลงทุน หรือมีความเคลื่อนไหวที่จะดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นการทำรายงานศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) การทำแผนส่งเสริมการปลูกอ้อยที่จะต้องเร่งดำเนินการภายใน 1 ปีแรกควบคู่กับการทำ EIA เป็นต้น เพื่อป้องกันให้ผู้ประกอบการที่ได้ใบอนุญาตไปแล้วไม่สนใจที่จะลงทุน แต่ไปกันสิทธิ์โรงงานอื่น ทำให้ผู้ประกอบการรายอื่นและชาวไร่อ้อยเสียโอกาสในการสร้างรายได้

ที่สำคัญจะทำให้ยุทธศาสตร์อ้อยและน้ำตาลทราย 11 ปี ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ที่จะเพิ่มพื้นที่ปลูกอ้อยจาก 10.53 ล้านไร่ ในปี 2558 เพิ่มเป็น 16 ล้านไร่ ภายในปี 2569 ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลผลิตอ้อยจาก 105.96 ล้านตัน เป็น 180 ล้านตัน ผลิตน้ำตาลทราย ได้จาก 11.34 ล้านตัน เป็น 20.36 ล้านตัน

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ

Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics