ข่าวอุตสาหกรรม - นายอเล็กซานเดอร์ โดบรินด์ รมว.ขนส่ง ของเยอรมนี เปิดเผยว่า องค์การขนส่งทางบกของรัฐบาลเยอรมนี (KBA) ได้สั่งการให้โฟล์คสวาเกนออกแผนแก้ไขปัญหาซอฟท์แวร์โกงมลพิษก่อนกำหนดเส้นตายในวันที่ 7 ต.ค.2558 นี้

ด้าน นายแมทเธียส วิสแมนน์ ผู้อำนวยการสมาคมอุตสาหกรรมรถยนต์เยอรมนี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า อุตสาหกรรมรถยนต์ของเยอรมนีได้รับผลกระทบจากกรณีที่โฟล์คสวาเกนโกงการตรวจสอบมลพิษ พร้อมชี้ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ และสนับสนุนให้มีการตรวจสอบกรณีดังกล่าวอย่างเต็มที่ โดยอุตสาหกรรมรถยนต์เยอรมนีให้การสนับสนุนเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย เพื่อให้กรณีนี้ได้รับการตรวจสอบอย่างชัดเจนและครอบคลุม

"ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เครื่องยนต์ดีเซล เพราะบริษัทต่างๆ ที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯได้พัฒนาเทคโนโลยีดีเซลที่ทันสมัย ซึ่งจะทำให้การปล่อยมลพิษลดน้อยลง แต่ปัญหาอยู่ที่การโกงของโฟล์คสวาเกน และถือเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมหากกรณีของโฟล์คสวาเกนจะส่งผลให้อุตสาหกรรมรถยนต์ทั้งหมดต้องถูกสงสัยไปด้วย" นายวิสแมนน์ กล่าว

ขณะที่ทางด้าน นายคริส พีเตอร์ส รัฐมนตรีเศรษฐกิจของเบลเยียม ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ในประเทศเมื่อวันที่ 26 ก.ย.2558 ที่ผ่านมา ว่า รถยนต์ดีเซลที่จดทะเบียนประมาณ 500,000 คัน ในเบลเยียม อาจได้รับผลกระทบจากกรณีที่โฟล์คสวาเกนโกงการตรวจสอบมลพิษ ซึ่งรถยนต์ในเบลเยียมอยู่ในกลุ่มต้องสงสัย แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ารถที่ติดตั้งซอฟต์แวร์โกงการตรวจสอบมลพิษมีจำนวนเท่าใด ทั้งนี้ ต้องการให้โฟล์คสวาเกนออกมาชี้แจงเรื่องนี้โดยด่วน พร้อมทั้งประเมินความเสียหายที่คาดว่าจะเกิดขึ้น โดยทางกระทรวงฯกำลังดูเรื่องข้อกฎหมายอยู่ในขณะนี้

ด้านหนังสือพิมพ์ Het Laatste Nieuws ของเบลเยียม รายงานว่า เบลเยียมอาจได้รับผลกระทบรุนแรงเป็นพิเศษจากเหตุการณ์นี้ เนื่องจากรถยนต์ดีเซลได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยมีสัดส่วนสูงถึง 60% ของรถจดทะเบียนทั้งหมด 5.6 ล้านคันในประเทศ ซึ่งนอกเหนือจากรถแบรนด์โฟล์คสวาเกนแล้ว ยังมีรถแบรนด์อื่นๆ ที่อาจแสดงค่าการปล่อยมลพิษไม่ตรงกับความเป็นจริง ได้แก่ ออดี้ (Audi) สโกด้า (Skoda) และ เซียท (Seat) อีกด้วย

ทั้งนี้ บริษัทกฎหมายแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกาได้เตรียมยื่นฟ้องต่อศาลเวอร์จิเนีย ในนามของกลุ่มนักลงทุนผู้ซื้อตราสาร ADR ของโฟล์คสวาเกนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ต่อกรณีการโกงค่าตรวจสอบมลพิษดังกล่าว

ด้านหนังสือพิมพ์ Bild am Sonntag รายงานว่า โฟล์คสวาเกนตระหนักถึงผลกระทบของซอฟต์แวร์ดังกล่าว โดยก่อนหน้านี้ทางบริษัท โรเบิร์ต บ๊อช ซึ่งเป็นผู้ส่งมอบซอฟต์แวร์สำหรับการทดสอบ ได้แจ้งเตือนโฟล์คสวาเกนว่า ซอฟต์แวร์นี้ผิดกฎหมายหากมีการใช้งานจริง ทั้งนี้ ผลกระทบจากกรณีดังกล่าวส่งผลให้ นายมาร์ติน วินเทอร์คอร์น ต้องประกาศลาออกจากตำแหน่งซีอีโอของบริษัทฯ เพื่อรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งประกาศแต่งตั้ง นายมัทเทียส มูลเลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของปอร์เช่ ซึ่งอยู่ในเครือของโฟล์คสวาเกน เข้ารับตำแหน่งซีอีโอของบริษัทฯแทน

Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics