HOT

วิกฤติน้ำแล้งยังหนัก เฝ้าระวังผลกระทบ 80,000 โรงงานทั่วประเทศ
POSTED ON 15/07/2558


ข่าวอุตสาหกรรม - ประชาชาติธุรกิจ รายงานข่าวว่า ล่าสุด ครม.มีมติตามข้อเสนอของคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้ม สถานการณ์น้ำ สั่งให้ลดการระบายน้ำจาก 4 เขื่อนหลักลงเหลือแค่วันละ 18 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อยืดปริมาณน้ำในเขื่อนให้เหลือเพียงพอไปจนกระทั่งถึงวันที่ 15 ส.ค.2558 จากเดิมหากระบายน้ำออกวันละ 28 ล้านลูกบาศก์เมตร น้ำก็จะหมดเขื่อนไม่เกินวันที่ 31 ก.ค.2558 นี้ โดยการลดการระบายน้ำลงในครั้งนี้เป็นวิธีการสุดท้ายแล้วที่กรมชลประทานจะบริหารจัดการได้ โดยมีความหวังเหลืออยู่เพียงแค่ฝนจะต้องตกลงมาเหนือเขื่อนให้ได้มากที่สุดก่อนที่น้ำจะหมดลง

 

ด้าน นายพสุ โลหารชุน อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กล่าวว่า ขณะนี้ทางอุตสาหกรรมจังหวัดแต่ละแห่งจะทำหน้าที่เป็นศูนย์รับเรื่องร้องเรียนกรณีโรงงานได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง และรายงานมายัง นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รมว.อุตสาหกรรม โดยมีโรงงานทั่วประเทศกว่า 80,000 แห่ง ที่เข้าข่ายว่าจะได้รับผลกระทบ แต่ขณะนี้ยังไม่มีรายงานเข้ามา ทั้งนี้ ทางกระทรวงฯได้เตรียมแผนไว้แล้ว หากได้รับผลกระทบเหลือน้ำน้อยจนถึงขั้น วิกฤตก็ต้องสั่งให้โรงงานประหยัดน้ำ ขั้นที่ 2 ลดเวลาการทำงานลงเหลือ 5 วันจาก 7 วัน และแผนขั้น 3 ให้นำน้ำที่โรงงานสำรองเอาไว้ออกมาใช้

 

นางกรกฎ รัศมี ผู้อำนวยการสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมหนองแค การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า ในส่วนของนิคมอุตสาหกรรมหนองแค ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมภาคกลางที่ถูกเฝ้าติดตาม ปัจจุบันนิคมมีการสูบน้ำจากคลองระพีพัฒน์ในปริมาณ 13,000 คิวต่อวัน กระจายให้โรงงานอุตสาหกรรมภายในนิคมใช้ 11,000 คิวต่อวัน ที่เหลือ 2,000 คิว จะเก็บกักไว้ในบ่อสำรอง โดยบ่อเก็บน้ำสามารถรองรับความจุได้ 264,000 คิว ในกรณีที่มีการประกาศให้หยุดสูบน้ำจากคลองระพีพัฒน์ น้ำที่สำรองในนิคมจะรองรับได้อีก 22 วัน

 

ด้าน นายธงชัย ศิริธร ผู้อำนวยการกิจกรรมสังคมและสื่อสารองค์กร บริษัท ไทยน้ำทิพย์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำดื่มตรา "น้ำทิพย์" กล่าวว่า โรงงานของบริษัทฯที่คลอง 13 ได้รับผลกระทบจากการที่ประปาธัญบุรีไม่สามารถจ่ายน้ำได้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น บริษัทฯจะปรับแผนการผลิตน้ำดื่มไปยังโรงงานแห่งอื่นๆ ของบริษัทฯในจังหวัดปทุมธานี นครราชสีมา ขอนแก่น และลำปาง แทน

 

นายมารุต บูรณะเศรษฐกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำดื่มตรา "คริสตัล" และ "ช้าง" กล่าวว่า กำลังการผลิตของโรงงานน้ำดื่มทั้งหมด 9 แห่ง ภายใต้เครือไทยเบฟฯยังไม่ได้รับผลกระทบใดๆ โดยปัจจุบันยังมีจำนวนน้ำที่นำไปผลิตเพียงพอ และทางนิคมฯที่ตั้งโรงงานเองก็มีมาตรการสำรองน้ำไว้แล้ว สอดคล้องกับ นายรติ พันธุ์ทวี ผู้อำนวยการ บริหาร ประจำสำนักงานกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำดื่มสิงห์ ที่ระบุว่า โรงงานผลิตน้ำดื่มของบริษัทฯทั้ง 7 แห่งทั่วประเทศยังสามารถผลิตได้ปกติ ซึ่งทางบริษัทฯและโรงผลิตน้ำแต่ละที่ก็มีแหล่งน้ำและมีการประมาณการณ์เพื่อรับกับสถานการณ์อยู่แล้ว ถ้าเกิดมีปัญหาจริงๆ ก็ยังมีเน็ตเวิร์กที่กระจายอยู่ทั่วทุกภาคเข้ามาช่วยเหลือได้

 

ส่วน บริษัท ไทยริชฟูดส์ กรุ๊ป จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจแปรรูปผลไม้ส่งออก อ.ธัญบุรี ระบุว่า บริษัทฯได้ปรับเปลี่ยนมาใช้น้ำบาดาลเพื่อการผลิตในโรงงานแบบ 100% แล้ว เพื่อต้นลดความเสี่ยงขาดน้ำประปาหยุดไหลนาน ขณะที่ทางด้านบริษัท โพส แอนด์ พรีคาส อ.หนองเสือ เปิดเผยว่า ต้องเปลี่ยนมาใช้น้ำในสระเพื่อล้างหินทรายในโรงงาน เพราะ กปภ.ขอความร่วมมือไม่ให้สูบน้ำจากคลอง 13 ขึ้นมาใช้ 3 วัน ซึ่งน้ำในสระจะพอใช้ไปได้แค่ครึ่งเดือนเท่านั้น