HOT

อุตฯเหมืองแร่คึกคัก หลังรัฐสางปัญหาประทานบัตรกว่า 200 ราย
POSTED ON 06/05/2558


ข่าวอุตสาหกรรม - นายสมพร อดิศักดิ์พานิชกิจ เลขาธิการสภาการเหมืองแร่ เปิดเผยถึงแนวโน้มของอุตสาหกรรมแร่ว่า จากโครงการเมกะโปรเจ็คที่รัฐบาลอนุมัติหลายโครงการออกมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2557 มูลค่าการลงทุนกว่า 1.2 ล้านล้านบาทนั้น น่าจะเริ่มโครงการก่อสร้างต่างๆ ได้หลังจากนี้ ส่งผลให้อุตสาหกรรมหินก่อสร้างมีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นมาก

 

ประกอบกับการที่ นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รมว.อุตสาหกรรม ได้เร่งสางปัญหาการขอใบอนุญาตประทานบัตรเหมืองและอาชญาบัตรสำรวจแร่ที่ค้างอยู่เกือบ 200 ราย ทำให้อุตสาหกรรมเหมืองแร่มีความคึกคัก และจะเกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่องตามมาอีกมาก ซึ่งหากในอนาคตมีการออกประทานบัตรเหมืองโปแตชเพิ่มขึ้น รวมไปถึงเหมืองทองคำวุลแฟรมและถ่านหินที่ยังพอมีบ้างในพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า ก็จะทำให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมเหมืองแร่แบบก้าวกระโดด โดยจะเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าตัว ภายใน 3 ปีข้างหน้า

 

"จากการปลดล็อกใบอนุญาตต่างๆ ทำให้ผู้ประกอบการมีความมั่นใจเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น เช่น หากเกิดการทำเหมืองแร่ควอตซ์ ก็จะเกิดโรงงานถลุงแร่ขึ้นมา ซึ่งจะเป็นแรงดึงดูดให้ต่างชาติเข้ามาตั้งโรงงานผลิตเวเฟอร์ที่ใช้ในการผลิตโซลาร์เซลล์ ถือเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับแร่อย่างมาก จากแร่ดิบที่มีมูลค่าไม่กี่พันบาทต่อตัน จะเพิ่มเป็นหลายแสนบาทต่อตัน ขณะที่แร่ดีบุกและแร่อีกหลายชนิดกลับมามีราคาสูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการบางส่วนหันกลับไปหาแหล่งเหมืองแร่เดิมที่ยังคงมีแร่ค้างอยู่ เช่น ที่กาญจนบุรี และยะลา เป็นโครงการสำรวจแหล่งแร่ขนาดใหญ่ รวมทั้งแหล่งแร่ทังสเตนเก่าในพื้นที่นครศรีธรรมราช พิษณุโลก นครสวรรค์ และพิจิตร เนื่องจากในอดีตมีเทคโนโลยีการทำเหมืองที่ต่ำ ทำให้มีแร่บางส่วนที่ไม่ถูกขุดออกมาใช้อย่างเต็มที่ ซึ่งถือเป็นการทำให้เหมืองแร่เหล่านี้กลับมาสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้อีกครั้ง" นายสมพร กล่าว  

 

ส่วนการลงทุนทำเหมืองแร่ในประเทศเพื่อนบ้านนั้น นายสมพรเสนอว่าภาครัฐควรจับมือเอกชนออกไปลงทุนทำเหมืองแร่ในประเทศเพื่อนบ้าน เพราะหากปล่อยให้เอกชนไปลำพังจะมีความเสี่ยงสูงมาก แต่หากภาครัฐสนับสนุนอย่างเต็มที่ จะเปิดโอกาสให้ไทยได้ใช้ทรัพยากรของประเทศเพื่อนบ้านให้เกิดประโยชน์กับประเทศสูงสุด และยังเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศเพื่อนบ้านให้เข้มแข็ง