HOT

ครม.ไฟเขียวระยะห่างโรงงานน้ำตาลเหลือ 50 กม.
POSTED ON 21/04/2558


ข่าวอุตสาหกรรม - ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 20 เม.ย.2558 ที่ผ่านมา ณ ทำเนียบรัฐบาล ว่า ครม.อนุมัติตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยได้มีมติยกเลิกมติ ครม.วันที่ 10 ต.ค.2532 และ มติ ครม.วันที่ 22 ก.ค. เฉพาะข้อ 1.2 (5) และมีมติเห็นชอบออกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาอนุญาตให้ประกอบกิจการโรงงานน้ำตาล

 

ตามร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมโรงงานน้ำตาลแห่งใหม่ที่ขออนุญาตตั้งหรือย้ายโรงงานน้ำตาลจะมีระยะห่างจากเขตโรงงานน้ำตาลที่มีอยู่เดิม 50 กิโลเมตร จากเดิมที่ต้องห่าง 80 กิโลเมตร แต่โรงงานแห่งใหม่ต้องมีแผนเตรียมปริมาณอ้อยจากการส่งเสริมและพัฒนาเข้าสู่โรงงานในปีแรกไม่น้อยกว่า 50% ของกำลังการผลิตของฤดูกาลผลิตนั้นๆ โดยกำหนดจำนวนวันหีบอ้อยของโรงงานทั่วประเทศเฉลี่ย 120 วันต่อปี และต้องไม่ใช่อ้อยของเกษตรกรที่เป็นคู่สัญญากับโรงงานน้ำตาลที่ตั้งอยู่พื้นที่เดิม และต้องมีปริมาณอ้อยจากการส่งเสริมและพัฒนาอ้อยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 3 ปี และต้องไม่ใช่อ้อยของเกษตรที่เป็นคู่สัญญาของโรงงานน้ำตาลอื่น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการแย่งอ้อยวัตถุดิบ

 

โดยสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) จะเป็นผู้พิจารณาให้การรับรองการขออนุญาตตั้ง หรือย้าย หรือขยายโรงงาน จากเดิมต้องเสนอขออนุมัติจาก ครม. ซึ่งผู้ที่ได้รับการรับรองแล้วต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 5 ปี นับจากวันที่ได้รับการรับรอง หากไม่เสร็จให้ถือว่าการอนุญาตได้สิ้นสุด ต้องขออนุญาตใหม่

 

สำหรับโรงงานที่ยื่นคำขอขยายกำลังการผลิต ขอย้ายกำลังการผลิตไปตั้งที่ใหม่ตามมติ ครม. เดิมก่อนประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมจะมีผล รวมถึงกิจการที่ยื่นขออนุญาตแต่ยังไม่ได้รับการพิจารณาอนุญาตให้ยึดตามบทเฉพาะกาล โดยกิจการที่ได้รับการเห็นชอบให้ตั้งโรงงานแล้วและยื่นขอประกอบกิจการโรงงานแล้วต้องแจ้งประกอบกิจการภายในปี 2560

 

ส่วนกิจการที่ได้รับอนุญาตแล้วแต่ยังไม่ได้ยื่นขอประกอบกิจการโรงงาน ต้องยื่นขอฯภายในปี 2559 และแจ้งประกอบกิจการภายในปี 2561 ส่วนกิจการที่ยื่นขอตั้งโรงงานน้ำตาลก่อนประกาศมีผล แต่ยังไม่ได้รับการพิจารณาอนุมัติให้ สอน.พิจารณาตามลำดับที่ยื่นไว้

 

ร.อ.นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า "กระทรวงอุตสาหกรรมได้รายงานว่ากระบวนการพิจารณาอนุญาตตามแนวทางเดิมก่อให้เกิดความล่าช้า เพราะต้องเสนอ ครม.พิจารณาทุกครั้ง และไม่เปิดโอกาสให้เกิดการลงทุนจากรายใหม่ซึ่งไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่เกษตรกรหันมาปลูกอ้อยเพิ่มขึ้นมากจนผลผลิตมากกว่ากำลังการผลิต อีกทั้งไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์อ้อยและน้ำตาลทรายฉบับใหม่ของกระทรวงอุตสาหกรรม"