HOT

รมว.อุตฯ ชี้ เศรษฐกิจปัจจุบันพึ่งส่งออกเหมือนอดีตยาก
POSTED ON 08/04/2558


ข่าวอุตสาหกรรม - นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยในที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 7 เม.ย.2558 ที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้เศรษฐกิจไทยถือว่ามีความสมดุลพอสมควร แม้จะมีการมองว่าเศรษฐกิจไม่ดีนัก แต่อัตราการว่างงานของไทยก็อยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับหลายประเทศที่มีการว่างงานสูงมาก เช่น สเปน ว่างงานถึง 20% กรีซ สหรัฐ ก็ว่างงานสูง อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจในปัจจุบันจะพึ่งพาการส่งออกเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักเหมือนในอดีตคงไม่ได้อีกแล้ว

 

"สาเหตุหลักเพราะโครงสร้างอุตสาหกรรมของโลกมีการเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก ประเทศที่พัฒนาแล้วก็หันไปผลิตสินค้าเองมากขึ้น จากเดิมที่นำเข้าจากประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งหลังจากนี้จีดีพีประเทศและภาคอุตสาหกรรมจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในประเทศมากกว่าที่จะพึ่งพิงการส่งออก เพราะขณะนี้สินค้าต่างๆ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไม่ได้มีการผลิตในจำนวนมากและกว้างขวางเหมือนในอดีตแล้ว" นายจักรมณฑ์ กล่าว

 

สำหรับภาวะอุตสาหกรรมของไทยในเดือน ก.พ.2558 ถือว่าปรับตัวดีขึ้น โดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ได้ขยายตัวสูงสุดในรอบ 23 เดือน อยู่ที่ 171.91 ขยายตัวร้อยละ 3.6 จาก 166.01 ในเดือน ก.พ.2557 มีการนำเข้าวัตถุดิบเพิ่มขึ้น 20% การส่งออกรถยนต์ขยายตัว 16% ยอดการขออนุญาตตั้งโรงงานก็เพิ่มขึ้น คำสั่งซื้อปูนซีเมนต์ดีขึ้น คาดว่าหลังสงกรานต์การก่อสร้างจะขยายตัวมากขึ้น การลงทุนเอกชนและการลงทุนของรัฐก็เพิ่มมากขึ้นด้วย มองว่าสถานการณ์ของภาคอุตสาหกรรมไทยปีนี้จะขยายตัวต่อเนื่อง จากความชัดเจนของการเบิกจ่ายเงินในการจัดซื้อจัดจ้างที่เพิ่มขึ้น โครงการก่อสร้างภาครัฐที่ทำให้อุตสาหกรรมก่อสร้างเพิ่มขึ้น

 

ขณะที่ดัชนี MPI ในช่วงที่เหลือของปี เห็นสัญญาณที่ดีจากบริษัทผลิตปูนซิเมนต์มีออเดอร์เข้ามา แสดงว่าโครงการต่างๆ เริ่มเดินหน้าแล้ว ซึ่ง รมว.อุตสาหกรรม แนะนำว่า การจะดูดัชนีอุตสาหกรรมของประเทศไทยนั้นให้ดูอยู่ 2-3 ตัว คือ คำขออนุญาตก่อสร้าง ซึ่งจากโครงการใหม่ๆ ที่กำลังจะเข้ามา และโครงการที่รัฐบาลพยายามเร่งรัดก่อสร้าง ซ่อมแซม ถนนหนทาง ที่เริ่มจะมีให้เห็นบ้างแล้ว

 

ด้าน บริษัท เจแปน เครดิต เรตติ้ง เอเยนซี (JCR) บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือของญี่ปุ่น ได้ประกาศยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้รัฐบาลไทยระยะยาว สกุลเงินต่างประเทศ ที่ A- และสกุลเงินบาทที่ A และปรับมุมมองความน่าเชื่อถือของไทยจากลบ (Negative Outlook) เป็นมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) เนื่องจาก JCR เห็นว่าเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวได้จาก ภาคอุตสาหกรรมและการส่งออก เสถียรภาพของระบบธนาคาร การรักษาสถานะภาคการคลังให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง

 

นอกจากนี้ นายจักรมณฑ์ยังเปิดเผยกล่าวถึงยอดขายรถยนต์ภายในงานมหกรรมมอเตอร์โชว์ที่เพิ่งสิ้นสุดไป แม้จำนวนที่จองจะลดลงเหลือ 37,000 คัน แต่ยอดขายก็เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 46,000 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่ายอดจองส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มรถที่มูลค่าสูงกว่า 1 ล้านบาทขึ้นไป โดยเป็นรถปิคอัพหรือรถขนาดใหญ่ รวมถึงรถยนต์ที่มีราคาแพง ขณะที่กลุ่มรถยนต์ที่เป็นอีโคคาร์ ยอดซื้อลดลง อาจเพราะมีการซื้อไปก่อนหน้านี้แล้วในช่วงที่มีโครงการรถยนต์คันแรก รวมถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นในขณะนี้

 

ส่วนนโยบายการส่งเสริมการผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่มีนักวิชาการประเมินว่าอาจจะไม่คุ้มค่าที่จะลงทุนนั้น กระทรวงอุตสาหกรรมจะขอเวลาในการศึกษาดูก่อน เพราะจากการประเมินตอนนี้ยอมรับว่าต้นทุนการผลิตอาจจะแพง แต่เชื่อว่าหลังจากนี้อีกประมาณ 10 ปีต้นทุนต่างๆ จะเริ่มลดลงและเทคโนโลยีก็สูงขึ้น เมื่อแน่ใจแล้วจึงค่อยกำหนดนโยบายส่งเสริมการลงทุน ขณะนี้มีค่ายรถยนต์ที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยีสนใจที่จะผลิต แต่พบว่าต้นทุนค่อนข้างสูง หากจะเริ่มต้นคงต้องเป็นระบบไฮบริดจ์ก่อน