ข่าวอุตสาหกรรม - นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงพลังงานไปทำการศึกษาร่วมกันกับภาคเอกชนในการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าให้เกิดขึ้นในอนาคตนั้น ขณะนี้ทางกระทรวงพลังงานได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และน่าจะสามารถได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้ โดยคาดว่าผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศไทยจะสามารถลงทุนผลิตและประกอบรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าได้ในอีก 5 ปี ข้างหน้า

นายณรงค์ชัย กล่าวว่า ในขณะนี้ทั่วโลกกำลังนิยมรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น และประเทศไทยก็ต้องมีนโยบายสนับสนุนในเรื่องนี้ ทั้งการใช้เป็นพาหนะวิ่งไปมาในเมืองหลวง และการวิ่งในระยะทางไกลให้ได้ และจะต้องวางแผนรองรับเรื่องต่างๆ โดยรัฐบาลก็จะหามาตรการเพื่อจะส่งเสริมให้เกิดการลงทุนผลิตและสามารถใช้งานได้จริง ซึ่งก็ต้องเตรียมพร้อมในเรื่องของสถานีบริการชาร์จไฟฟ้าเหมือนสถานีบริการน้ำมัน ธุรกิจรับเปลี่ยนแบตเตอรี่ โดยจะต้องแก้ไขพระราชบัญญัติหรือกฎหมายเกี่ยวกับการจำหน่ายหรือการตั้งสถานีบริการน้ำมันให้สามารถจัดตั้งเป็นสถานีบริการที่ชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อเปิดทางให้เอกชนเข้ามาลงทุนได้ต่อไป

ด้าน นายโชคดี แก้วแสง รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า ขณะนี้บีโอไอได้ตั้งคณะทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม ผู้ผลิตรถยนต์ เพื่อหารือถึงแนวทางดังกล่าวแล้ว คาดว่าไม่เกิน 2 เดือนข้างหน้าจะได้ข้อสรุปเพื่อนำเสนอขอความเห็นจากคณะกรรมการ (บอร์ด) บีโอไอได้ โดยโจทย์ใหญ่ที่จะต้องหารือคือนักลงทุนมีความสนใจมากน้อยเพียงใด ภายใต้เงื่อนไขอย่างไรเป็นสำคัญ

"ก่อนหน้านี้ บีโอไอเคยหารือกับผู้ผลิตรถยนต์หลายค่าย ซึ่งบางค่ายก็เห็นด้วยและสนใจที่จะลงทุนหากได้รับการส่งเสริมที่เหมาะสมและคุ้มค่าเชิงพาณิชย์ คาดว่าในระยะแรก ความเป็นไปได้ในการผลิตคือรถยนต์ไฟฟ้า ควรเป็นแบบปลั๊กอินไฮบริด (Plug in Hybrid) คือเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟฟ้าได้ แต่ก็ต้องดูตลาดว่าเป็นอย่างไร ส่วนรถยนต์ไฟฟ้าแบบ 100% คงจะเกิดขึ้นตามมาภายหลัง" นายโชคดี กล่าว

อย่างไรก็ตาม นายโชคดี ระบุว่า "รัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานนั้นก็จะต้องกำหนดเป็นนโยบายที่ชัดเจน กรณีที่จะมีการลงทุนสถานีบริการชาร์จไฟฟ้า เหมือนปั๊มน้ำมันว่าใครจะเป็นผู้ลงทุน เพื่อให้เกิดความมั่นใจกับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า เพื่อตอกย้ำว่าโครงการรถยนต์ไฟฟ้าจะเกิดขึ้นจริง ส่วนสิทธิประโยชน์ของบีโอไอที่จะสามารถจูงใจให้เอกชนมาลงทุนได้ ก็ต้องเพิ่มเติมเรื่องเงื่อนไขภาษีสรรพสามิตต่างๆ ของกระทรวงการคลังว่าจะเห็นด้วยหรือไม่"