ข่าวอุตสาหกรรม - หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ รายงานถึงแหล่งข่าวจากกระทรวงอุตสาหกรรมที่เปิดเผยว่า ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากเยอรมนีอย่าง "โฟล์คสวาเกน เอจี" (Volkswagen AG) กำลังบรรลุข้อตกลงด้วยการทุ่มเม็ดเงินหลายหมื่นล้านบาทตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ในไทย ถึงแม้ว่าค่ายจีเอ็มจะประกาศถอนตัวจากโปรเจ็กต์อีโคคาร์เฟส 2 ไปแล้วเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนก็ตาม

โดยก่อนนี้สำนักข่าวต่างประเทศ นิตยสารรถยนต์หลายฉบับ รายงานความคืบหน้าการลงทุนของโฟล์คในไทยว่า สนใจเข้ามาลงทุนตั้งแต่กลางปี 2557 หลังเห็นข้อได้เปรียบทางด้านภาษีที่ฟอร์ดและจีเอ็มได้รับจากรัฐบาลไทย โดยเตรียมใช้เงินลงทุนตั้งโรงงานเป็นเม็ดเงินกว่า 1,000 ล้านยูโร (ประมาณ 37,000 ล้านบาท) โดยจะเน้นผลิตรถยนต์นั่ง มีกำลังการผลิตสูงสุด 300,000 คันต่อปี อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโฟล์คจะมีโรงงานร่วมทุนในมาเลเซีย ซึ่งผลิตรถรุ่นโปโล พาสสาท และเจ็ตต้า รถยนต์นั่งอยู่แล้ว และยังมีโรงงานแห่งใหม่ในอินโดนีเซียซึ่งกำลังเติบโต แต่ก็ยังให้ความสำคัญกับประเทศไทย

ทั้งนี้ รายงานยังระบุด้วยว่า ล่าสุดโฟล์คได้ดึงตัว นายคาร์ล ไฮนซ์ เฮคเฮาเซ่น อดีตประธานบริษัท เดมเลอร์ไครสเลอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย และประธานหอการค้าเยอรมนีประจำประเทศไทย มานั่งเป็นที่ปรึกษา เพราะมีความเชี่ยวชาญการทำตลาดในประเทศไทย และเข้าใจระบบราชการเพราะคลุกคลีกับอุตสาหกรรมในไทยมาหลายปี

โดยในงานเปิดไลน์ผลิตเมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส ไฮบริด ที่โรงงานธนบุรีประกอบรถยนต์ และฉลอง 110 ปีที่รถยนต์เบนซ์เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย นายเฮคเฮาเซ่นได้กล่าวยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่า ตนได้ตัดสินใจรับบทบาทเป็นที่ปรึกษาให้กับโฟล์ค นอกจากนี้ โฟล์คยังได้ทาบทามดีลเลอร์เบนซ์รุ่นเก่าสมัยที่เคยร่วมงานกับทางธนบุรีพานิชให้เข้ามาเป็นดีลเลอร์ช่วยทำตลาดโฟล์คในไทย รวมถึงความพยายามที่จะดึงบุคลากรในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์เข้ามาร่วมงานด้วยอีกส่วนหนึ่ง

ล่าสุดมีรายงานข่าวเข้ามาว่า โครงการอีโคคาร์เฟส 2 ของโฟล์ค มูลค่าการลงทุนไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียนประมาณ 31,446.8 ล้านบาท ได้ผ่านการพิจารณาจากคณะอนุกรรมการกลั่นกรองบีโอไอแล้ว ซึ่งขณะนี้รอพิจารณาจากบอร์ดชุดใหญ่ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในวันที่ 2 เม.ย.2558นี้

นอกจากนี้ แหล่งข่าวในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ยังระบุเพิ่มเติมด้ายว่า ล่าสุดโฟล์คได้เจรจากับทางนิคมเหมราช จังหวัดระยอง คาดว่าน่าจะบรรลุข้อตกลงในเร็วๆ นี้ โดยแหล่งข่าวเปิดเผยว่า ขณะนี้นิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งเสนอขายที่ดินให้กับโฟล์คตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ โดยแต่ละแห่งพยายามนำเสนอราคาขายที่จูงใจมากๆ ซึ่งโฟล์คมีนโยบายจะเลือกทำเลนิคมฝั่งตะวันออก และล่าสุดมีแนวโน้มว่าจะเลือกที่ดินของนิคมฯเหมราชในการก่อสร้างโรงงาน อย่างไรก็ตาม เท่าที่ทราบเดิมโฟล์คมีแผนจะก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในไทย แต่พอเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ทั่วประเทศหลายจังหวัดจึงได้ชะลอโครงการไป เพราะไม่มั่นใจในมาตรการป้องกันน้ำท่วมของไทย

ด้าน นายไกรลักขณ์ อัศวฉัตรโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน บมจ.เหมราชพัฒนาที่ดิน (HEMRAJ) กล่าวว่า บริษัทยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดรายชื่อลูกค้าที่อยู่ระหว่างการเจรจาซื้อที่ดินกับบริษัทได้ แต่หากมองในแง่ของการเป็นนิคมอุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุด โดยเฉพาะทำเลพื้นที่ที่เป็นยุทธ์ศาสตร์ที่สำคัญของกลุ่มอุตสาหกรรมโรงงานผลิตรถยนต์ของไทยที่ตั้งอยู่ในนิคมจำนวนมาก เชื่อว่าหากลูกค้ารายใหญ่ ที่สนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยก็ต้องมาพูดคุยกับเหมราชอยู่แล้ว

ทั้งนี้ ลูกค้าในนิคมส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรถยนต์สัดส่วนกว่า 34% ที่เหลือเป็นกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี และอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น

ขณะที่นางจรีพร อนันตประยูร กรรมการ บมจ.เหมราชพัฒนาที่ดิน กล่าวว่า นิคมฯเหมราชน่าจะได้รับอานิสงส์อย่างมากจากโครงการอีโคคาร์เฟส 2 เพราะปัจจุบันเริ่มมีผู้ประกอบการรถยนต์ทั้งในส่วนของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ใหญ่ๆ และกลุ่มซัพพลายเชนที่เริ่มมีการเตรียมแผนรองรับการขยายพื้นที่การผลิตเพิ่มเติม โดยได้มีการติดต่อขอซื้อที่ดินในนิคมฯเหมราชเพิ่มขึ้นจำนวนมาก โดยปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ายอดขายที่ดินไว้กว่า 1,500 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ประมาณ 600 กว่าไร่

ด้านแหล่งข่าวกลุ่มนิคมฯอมตะเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาค่ายรถยนต์โฟล์คยักษ์ใหญ่จากยุโรปได้เข้ามาพบกับ นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ ผู้บริหารของกลุ่มอมตะ คอร์ปอเรชั่น เพื่อศึกษาข้อมูลการลงทุนในประเทศไทย เท่าที่ทราบขณะนี้ทางค่ายโฟล์คยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ในนิคมอุตสาหกรรมไหน ซึ่งหากโฟล์คได้รับสิทธิจาก BOI ก็ยังมีเวลาตัดสินใจลงทุนราว 2 ปี