HOT

ส.โลหะไทย ร้องรัฐเลิกไต่สวนทุ่มตลาดเหล็กจีน
POSTED ON 06/03/2558


ข่าวอุตสาหกรรม - หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ รายงานข่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่บริษัท เอ็น.ที.เอส. สตีล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท เหล็กสยาม (2001) จำกัด ในเครือบริษัททาทาฯ ได้ยื่นเรื่องไปยังกระทรวงพาณิชย์ให้เปิดไต่สวนตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้า เหล็กลวดคาร์บอนต่ำ เหล็กลวดคาร์บอนต่ำที่เจือธาตุอื่น เหล็กลวดคาร์บอนต่ำสำหรับงานย้ำหัวและงานทุบขึ้นรูปเย็น และเหล็กลวดคาร์บอนสำหรับงานย้ำหัวและงานทุบขึ้นรูปเย็นที่เจือธาตุอื่นที่นำเข้าจากจีน หลังจากพบว่าการนำเข้ามีราคานำเข้าต่ำกว่าราคาของไทยกิโลกรัมละ 2.50 บาท จากราคาที่ผู้ผลิตในประเทศขายกิโลกรัมละ 17.50 บาท ส่งผลให้ปริมาณการนำเข้าในปี 2557 เพิ่มขึ้นเป็น 1,112 ล้านกิโลกรัม จากปี 2556 ที่นำเข้าเพียง 839 ล้านกิโลกรัม

 

นายสุเทพ ก้องธรนินทร์ สมาชิกสมาคมโลหะไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯได้ร่วมกับชมรมเหล็กลวดคาร์บอนต่ำ ยื่นหนังสือต่อกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อเรียกร้องให้ยุติการเปิดไต่สวนการทุ่มตลาดเหล็กลวดคาร์บอนต่ำดังกล่าว เพราะทำให้สมาคมฯและชมรมฯซึ่งเป็นผู้นำเข้ามาผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูปใช้ในประเทศและส่งออกได้รับผลกระทบ หากมีภาษีเอดีจะทำให้ต้นทุนการนำเข้าสูงขึ้น ต้องปรับราคาขายจนไม่สามารถแข่งขันกับสินค้าจากเวียดนามซึ่งใช้เหล็กจากจีนเช่นเดียวกัน ในที่สุดอาจต้องประสบปัญหาขาดทุน ปิดกิจการหรือย้ายฐานการผลิต และแรงงานกว่าแสนคนอาจได้รับผลกระทบด้วย

 

"เหล็กจากจีนไม่ได้ทุ่ม ตลาด แต่ที่มีการนำเข้าเพิ่มเพราะมีคุณภาพดีกว่า และมีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่า จึงขายได้ในราคาต่ำกว่าสินค้าที่ผลิตได้ในประเทศมาก เช่น ราคาในประเทศตันละ 18,800 บาท หรือประมาณตันละ 570 เหรียญสหรัฐ แต่สินค้าจีนตันละ 400 กว่าเหรียญเท่านั้น ทั้งยังมีหลายขนาดตรงตามที่ต้องการ และส่งมอบตรงเวลา แต่เหล็กในประเทศคุณภาพด้อยกว่าเพราะใช้เศษเหล็กเป็นวัตถุดิบในการผลิต นอกจากนี้ ผู้ผลิตส่วนใหญ่ผลิตเหล็กเส้นป้อนตลาดมากกว่า จึงทำให้ผลิตเหล็กลวดคาร์บอนต่ำน้อย ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศ และมีขนาดไม่หลากหลาย" นายสุเทพ กล่าว

 

ปัจจุบันมีการนำเข้าเหล็กลวดคาร์บอนต่ำจากจีนจำนวนมาก และปริมาณการนำเข้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากอุตสาหกรรมผู้ใช้เหล็กในประเทศขยายตัวมากขึ้นรวมกว่า 1,000 ราย