ข่าวอุตสาหกรรม - "นายสมพร อดิศักดิ์พานิชกิจ" เลขาธิการสภาการเหมืองแร่ เปิดเผยว่า จากกรณีที่ "นายสุรพงษ์ เชียงทอง" อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) มีคำสั่งให้ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) หยุดประกอบการเหมืองแร่ทองคำใน จ.พิจิตร นั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการเหมืองแร่ในการยื่นขออาชญาบัตรเพื่อสำรวจแร่ และการขอประทานบัตรเพื่อขุดสำรวจแร่ เนื่องจากผู้ประกอบการ มีการปรับตัวตามคำสั่งของภาครัฐอยู่แล้ว

นอกจากนี้ อุตสาหกรรมเหมืองแร่ยังคงมีความสำคัญต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอื่นๆ ของประเทศ เพราะเป็นอุตสาหกรรมต้นน้ำที่ใช้เป็นวัตถุดิบในทุกอุตสาหกรรม จึงยังมีความจำเป็นและมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ยอมรับว่าการประกอบกิจการเหมืองแร่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแน่นอน แต่ขึ้นอยู่กับชนิดและกระบวนการในการประกอบกิจการ ซึ่งผู้ประกอบการเองก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมด้วย หากมีการใช้สารเคมีก็ควรป้องกันผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นให้เข้มงวดที่สุด และในส่วนของภาครัฐหรือประชาชนก็ควรจะมีการเข้ามาร่วมตรวจสอบอย่างชัดเจน

"ในแง่ของความรู้สึกประชาชนก็กลัว แต่ปัจจุบันผู้ประกอบการส่วนใหญ่นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ โดยเฉพาะเหมืองแร่ที่ขอประทานบัตรใหม่ส่วนใหญ่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยจากต่างประเทศเกือบทั้งหมด ซึ่งช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้มากขึ้น ขณะเดียวกันก็ควรพิสูจน์ให้ได้แน่ชัดว่าสารพิษที่ออกสู่ชุมชนมาจากแหล่งใดบ้าง" นายสมพร กล่าว

ส่วนเรื่องผลตอบแทนแก่ชุมชนโดยรอบเหมือง เช่น โครงการเพื่อเฝ้าระวังสุขภาพโดยรอบเหมือง หรือกองทุนดูแลหมู่บ้าน รวมทั้งการเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน เช่น วัด และโรงเรียน ที่ กพร. กำลังเสนอ รมว.อุตสาหกรรม เพื่อให้ความเห็นชอบนั้น เป็นโครงการที่ภาคเอกชนจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพราะหากเกิดความผิดปกติขึ้นกับประชาชนในพื้นที่ ก็จะได้มีความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที

สำหรับราคาพลังงานที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลดีต่อผู้ประกอบการเหมือง เนื่องจากต้นทุนในการประกอบกิจการกว่า 30% เป็นต้นทุนด้านพลังงาน ดังนั้น การที่น้ำมันปรับตัวลดลงทำให้ต้นทุนในการประกอบการลดลงเฉลี่ยประมาณ 20%

สำหรับข้อมูลสัมปทานเหมืองแร่ทองคำล่าสุดจากกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ มีผู้ได้รับประทานบัตรและยังดำเนินการผลิตอยู่จำนวน 19 ฉบับ โดยเป็นของ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) 13 ฉบับ รวมพื้นที่ 3,627 ไร่ จะเริ่มทยอยหมดอายุตั้งแต่ปี 2563-2571 และของ บริษัท ทุ่งคำ จำกัด มีสัมปทาน 6 ฉบับ รวมพื้นที่ 2,576 ไร่ จะทยอยหมดอายุตั้งแต่ปี 2570-2571 โดยยอดรวมการผลิตแร่ทองคำในปี 2557 (ม.ค.-ก.ย.2557) มีปริมาณ 3,288 กิโลกรัม ลดลง 3.81%  มูลค่า 4,346.9 ล้านบาท โดยมีปริมาณลดลง 3.81% และมูลค่าลดลง  8.04% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ