HOT

อุตฯ ชวนมิตซูฯลงทุนรถพลังไฟฟ้าในไทย หวังดันเป็นโปรดักต์แชมเปี้ยน
POSTED ON 12/02/2558


ข่าวอุตสาหกรรม - "นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช" รมว.อุตสาหกรรม กล่าวภายหลังจากที่ "นายเทซีโระ ไอกาว่า" ซีอีโอของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น เข้าพบ ว่า ทางมิตซูบิชิยังคงยืนยันใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกเป็นหลัก 76% ของการผลิตทั้งหมดในไทย หรือจำนวน 400,000 คัน คิดเป็นสัดส่วนการส่งออกไปทั่วโลก 24% ทำให้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกรายใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากญี่ปุ่น

 

ในโอกาสนี้กระทรวงอุตสาหกรรมเชิญชวนให้มิตซูบิชิในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาลงทุนพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ต่อยอดจากการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงาน (อีโคคาร์) ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เป็นการผลักดันเป้าหมายส่งเสริมรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเป็นอุตสาหกรรมดาวรุ่งในอนาคต (Product Champion 3)

 

"ประเมินท่าทีความสนใจของมิตซูบิชิที่จะเข้ามาลงทุนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในไทยก็มีแนวโน้มที่ดี แต่เนื่องจากไทยยังไม่มีแนวทางส่งเสริมชัดเจนเท่าที่ควร ทางมิตซูบิชิจึงต้องพิจารณาถึงความคุ้มค่าในการลงทุน เพราะรถยนต์ดังกล่าวมีราคาแพงกว่ารถยนต์ทั่วไป 1.5-2 เท่า จึงไม่ใช่เรื่องง่าย ประกอบกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในการลงทุนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าปัจจุบันเรียกเก็บอยู่ที่ 10% เทียบกับอัตราภาษีรถอีโคคาร์ที่เรียกเก็บ 17% ถือว่าไม่แตกต่างกันมากนัก ทำให้ไม่จูงใจให้เข้ามาลงทุนมากพอ" รมว.อุตสาหกรรม กล่าว

 

เร็วๆ นี้ กระทรวงอุตสาหกรรมจะหารือกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ส่งเสริมรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ทั้งสิทธิประโยชน์การลงทุน มาตรการภาษี และเงื่อนไขอื่นๆ ที่สามารถดึงดูดผู้ประกอบการมากพอจะเข้ามาลงทุนได้คุ้มค่าและเหมาะสม คาดจะสามารถส่งเสริมรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเป็นอุตสาหกรรมดาวรุ่ง หรือ โปรดักต์แชมเปี้ยนตัวที่ 3 ได้ภายใน 5 ปีนับจากนี้ หลังจากที่โปรดักต์แชมเปี้ยนตัวที่ 1 และ 2 คือ รถกระบะขนาดไม่เกิน 1 ตัน และรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล (อีโคคาร์ 1 และ 2) ประสบความสำเร็จมาแล้ว เพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยมีการพัฒนาต่อเนื่องและยังเป็นผู้นำในอาเซียน

 

สำหรับรถกระบะขนาด 1 ตันที่ไทยเป็นฐานการผลิตใหญ่อันดับ 2 ของโลกนั้นเป็นโปรดักต์แชมเปี้ยนตัวแรกที่ใช้เวลาพัฒนามาร่วม 30 ปี ขณะที่อีโคคาร์ซึ่งเป็นโปรดักต์แชมเปี้ยนตัวที่ 2 ใช้เวลาในการพัฒนามา 10 ปี