FINANCE & INVESTMENT

บริษัทจีนกังวลสถานการณ์การเมือง ชะลอการลงทุนในไทย
POSTED ON 24/01/2557


 

ข่าวการเงินและการลงทุน (Finance and Investment) - นายหนิง เหอ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ซีแอนด์จี เอ็นไวรอนเมนทอล โปรเท็คชั่น (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า กรณีความไม่สงบทางการเมืองของประเทศไทย และมีการชุมนุมทางการเมืองที่เกิดขึ้นหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา ในฐานะที่เป็นนักลงทุนจีนที่เข้ามาในไทยมาเป็นระยะเวลานาน มองว่า แม้จะเป็นความเสี่ยงแต่ก็เข้าใจดีว่าอะไรคืออะไร แต่ในส่วนของบริษัทแม่ที่จีนค่อนข้างกังวลเรื่องนี้มาก จึงสั่งให้ชะลอโครงการลงทุนใหม่ๆ อย่างการขยายโครงการกำจัดขยะมูลฝอยและผลิตไฟฟ้าในพื้นที่ศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยหนองแขมออกไปก่อน จนกว่าจะมีความชัดเจนทางการเมือง ส่วนโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการก็ยังคงเดินหน้าต่อไปตามแผน

 

ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังมีความเชื่อมั่นในประเทศไทย เนื่องจากไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียน ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลจีนมีนโยบายให้นักลงทุนจีนขยายการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งในเอเชียมีประชากรมากถึง 600 ล้านคน และในอนาคตหากรวมเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีในปีหน้า ก็ยิ่งทำให้ไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุนมากขึ้น อย่างไรก็ตามส่วนตัวมองว่าทุกประเทศย่อมมีปัญหาของตนเองบ้าง การเมืองก็ส่วนการเมือง หากนักลงทุนสามารถควบคุมให้อยู่ในกรอบการลงทุนได้ก็จะได้รับผลกระทบน้อย

 

"ผมใช้เวลาค่อนข้างมากเพื่ออธิบายเรื่องความไม่สงบทางการเมืองของไทยให้บริษัทแม่ที่จีนฟัง เพราะบริษัทแม่มีความเป็นห่วงเรื่องความเสี่ยงการลงทุนที่จะเกิดขึ้น ซึ่งผมมองว่ายังสามารถควบคุมความเสี่ยงได้ บริษัทแม่ก็โอเค แต่กำชับให้ดูละเอียดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโครงการลงทุนใหม่ๆ อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ คงไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศมากนัก นอกจากนี้ นักลงทุนยังมองว่าไทยเป็นหัวใจของอาเซียนที่เลี่ยงการลงทุนไม่ได้ เพราะในอนาคตหากเป็นเออีซี ตลาดอาเซียนจะใหญ่มาก" นายหนิง เหอ กล่าว

 

ขณะที่ความคืบหน้าโครงการกำจัดขยะมูลฝอยปริมาณ 300-500 ตันต่อวัน และผลิตไฟฟ้าขนาด 6-7 เมกะวัตต์ ในพื้นที่ศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยหนองแขม กรุงเทพฯ ระยะเวลา 20 ปี ใช้เงินลงทุนประมาณ 900 ล้านบาทนั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปลายปีนี้ ซึ่งนับว่าล่าช้าจากแผนเดิมเล็กน้อย จากที่คาดว่าจะเสร็จภายในกลางปีนี้ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นบ่อฝังกลบขยะเก่า ทำให้การก่อสร้างยากขึ้น

 

นายหนิง เหอ กล่าวเพิ่มเติมว่า "เม็ดเงินลงทุนโรงไฟฟ้าจากขยะดังกล่าว ส่วนหนึ่งมาจากการกู้ยืมธนาคาร และการจัดสรรงบจากบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ มีศักยภาพในการกำจัดขยะที่ 300-500 ตันต่อวัน โดยโรงงานตั้งอยู่ที่ศูนย์กำจัดมูลฝอยหนองแขม พุทธมณฑลสาย 3 มีขนาดพื้นที่ 30 ไร่ และผลิตไฟฟ้าส่งขายให้กับการไฟฟ้านครหลวง หรือ กฟน. ในอัตรา 3.50 บาทต่อหน่วย โดยเมื่อครบสัญญา 20 ปี ก็จะโอนสิทธิส่งมอบโรงงานให้แก่ชุมชนท้องถิ่นดำเนินการต่อไป"

 

ส่วนเครื่องจักรที่ใช้ในโครงการนี้จะเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นโดย "บิลโบ" ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีโรงงานผลิตอยู่ในจีน เป็นเครื่องจักรรุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีผสมผสานระหว่างไฟฟ้าสถิตและแผ่นกรองดักจับสารพิษ โดยได้รับการรับรองตามมาตรฐานที่ใช้อยู่ในยุโรป ซึ่งสามารถกรองไอเสียฝุ่นละอองที่ปล่อยออกมาในอัตราเฉลี่ย 10 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ลดมลพิษและสารเคมีที่เป็นพิษกับสิ่งแวดล้อมมาใช้ในโครงการดังกล่าว เพราะทั่วไปโรงงานไฟฟ้าในระบบเก่าจะใช้ไฟฟ้าสถิตเป็นตัวดักจับสารพิษที่หลงเหลือจากการเผาขยะ แต่ยังมีบางส่วนหลุดลอดออกมา

 

สำหรับการขยายโครงการโรงไฟฟ้าขยะเฟส 2 ที่บริษัทแม่ให้ชะลอการลงทุนไว้ก่อนนั้น ก็ต้องชะลอการหารือกับทางกรุงเทพมหานครว่าจะต้องการให้ขยายต่อไปหรือไม่ ซึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณขยะด้วย ขณะที่ในส่วนของขยะที่นำมาผลิตไฟฟ้า หากในอนาคตได้รับความร่วมมือจากประชาชน และเทศบาล เพื่อคัดแยกขยะ จะทำให้ประสิทธิภาพของขยะในการผลิตไฟฟ้าดีขึ้น เพราะปัจจุบันการคัดแยกขยะของไทยยังค่อนข้างน้อย