FINANCE & INVESTMENT

แอล เอช ฟันด์ ชู ESG สร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืน
POSTED ON 18/03/2562


Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics

 

นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด หรือ แอล เอช ฟันด์ กล่าวว่า ESG เป็นเทรนด์ใหม่ของโลกที่มีผลกระทบกับอุตสาหกรรมในวงกว้าง ทั้งในด้านพลังงาน อสังหาริมทรัพย์ การเงินและการศึกษา การใช้ปัจจัย ESG ในการวิเคราะห์เพื่อตัดสินใจลงทุนร่วมกับการพิจารณาผลตอบแทนและปัจจัยเสี่ยง นอกจากจะทำให้ผู้ลงทุนสามารถคาดการณ์ผลประกอบการในอนาคตของบริษัทได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ลงทุนเอง ในแง่ที่จะช่วยสร้างผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นและช่วยลดความผันผวนของราคาของหลักทรัพย์ในพอร์ตการลงทุนแล้ว ยังทำให้การลงทุนนั้นช่วยเสริมสร้างผลกระทบเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกในทางที่ดีขึ้นด้วย

 

ESG เป็นคำที่ใช้ในตลาดทุน เวลาพูดถึงการดำเนินงานของบริษัทในเรื่องสิ่งแวดล้อม (ตัว E มาจาก Environmental) สังคม (ตัว S มาจาก Social) และธรรมาภิบาล (ตัว G มาจาก Governance) ซึ่งการดำเนินงานในเรื่อง ESG นี้ จะมีนัยสำคัญต่อผลประกอบการของบริษัท และส่งผลมายังราคาหุ้นของบริษัท ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ในประเทศไทยมีการนำข้อมูล ESG มาใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุนในมิติที่มิใช่ข้อมูลตัวเลขทางการเงิน ทำให้สามารถคาดการณ์ถึงผลประกอบการในอนาคตของบริษัทเพิ่มเติมจากข้อมูลทางการเงิน โดยหุ้น ESG อาจไม่ใช่หุ้นที่ทำกำไรได้เยอะที่สุด แต่เป็นหุ้นที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนอย่างยั่งยืน

 

ปัจจุบัน แอล เอช ฟันด์ ได้ทำการเสนอขายกองทุนเปิด แอล เอช หุ้นไทย ESG หรือ LH THAI ESG FUND (LHESG) ครั้งแรกตั้งแต่วันนี้ – 27 มีนาคม 2562 โดยกองทุนมีนโยบายที่จะลงทุนในตราสารแห่งทุนเพื่อให้สามารถสร้างผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกับดัชนีผลตอบแทนรวม อีเอสจี ไทยพัฒน์ (Thaipat ESG Index (TR)) โดยกองทุนจะเลือกลงทุนเฉพาะในหุ้นสามัญของบริษัทต่าง ๆ ในสัดส่วนที่เท่าหรือใกล้เคียงกับน้ำหนักที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีดังกล่าว ซึ่งมีอัตราส่วนการลงทุนในตราสารแห่งทุนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน

 

Thaipat ESG Index เป็นดัชนี ESG แรกในประเทศไทย ที่ใช้การคำนวณดัชนีด้วยวิธีถ่วงน้ำหนักหลักทรัพย์เท่ากัน (Equal Weighted Index) คือ ให้ความสำคัญกับหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิกของดัชนีเท่ากันทุกหลักทรัพย์ เพื่อให้สะท้อนความเปลี่ยนแปลงราคาของแต่ละหลักทรัพย์ในดัชนีได้อย่างชัดเจน โดยไม่ขึ้นกับขนาดของหลักทรัพย์ ประกอบกับปัจจัยอื่นๆ เช่น การวิเคราะห์อุตสาหกรรม รายงานทางการเงิน เป็นต้น จากการติดตามข้อมูลจาก Bloomberg ย้อนหลังของ Thaipat ESG Index พบว่า ดัชนี Thaipat ESG Index (TR) ให้ผลตอบแทนตั้งแต่จัดตั้งดัชนีดีกว่า SET TRI โดยดัชนี Thaipat ESG Index (TR) ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีที่ 7.53% ในขณะที่ SET TRI ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีที่ 6.05% (ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค. 2558 – 8 ก.พ. 2562)