FINANCE & INVESTMENT

การนิคมฯเดินหน้าสร้าง "รับเบอร์ซิตี้" ในปีนี้
POSTED ON 17/02/2559


การเงินการลงทุน 17 ก.พ.2559 - นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ในเร็วๆ นี้ กนอ.เตรียมลงนามความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) ในการพัฒนาส่งเสริมด้านนวัตกรรมการใช้ยางพาราในประเทศ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และเพิ่มปริมาณการใช้ยางในประเทศ โดยอาศัยเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงศักยภาพของบุคลากรและผู้เชี่ยวชาญที่จะมารองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราที่จะเกิดขึ้นทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ในรูปแบบของคลัสเตอร์ในนิคมฯยางพารา หรือ รับเบอร์ซิตี้ (Rubber City)

 

นายวีรพงศ์ กล่าวด้วยว่า "เป้าหมายของการพัฒนานิคมฯ ต้องมองโครงสร้างทั้งระบบ เพื่อรองรับให้เกิดการลงทุน ซึ่งมีหลายมิติ นอกเหนือจากพื้นที่รองรับการก่อสร้างโรงงาน เราต้องมองลึกไปถึงเรื่องของแรงงานในพื้นที่ รวมทั้งจะต้องสร้างแรงงานฝีมือขึ้นมารองรับกับเทคโนโลยีการผลิตที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพราะแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมยางตามนโยบายของรัฐบาล จะต้องใช้ทั้งเทคโนโลยี นวัตกรรมการผลิต ดังนั้น การดึงสถาบันการศึกษาอย่าง มอ. เข้ามาร่วมในครั้งนี้ เพื่อเตรียมแรงงานป้อนเข้าสู่ระบบให้พร้อมและเดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ"

 

โดยขอบเขตความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาจะเน้นไปที่การส่งเสริมและพัฒนาทั้งระบบ เพื่อรองรับกลุ่มอุตสาหกรรมสนับสนุนด้านต่างๆ ให้กับอุตสาหกรรมยางพารา อาทิ โครงการนำร่อง "สวนยางในอนาคต" โครงการอาร์แอนด์ดี (R&D) ศูนย์ข้อมูล ศูนย์แสดงสินค้า โลจิสติกส์ ตลาดกลาง คลังสินค้า รวมทั้งการมีสถาบันฝึกอบรม พัฒนาบุคลากร สถาบันการศึกษาเกี่ยวกับยางพารา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการแข่งขันในอุตสาหกรรมยางพาราที่คาดว่าจะมีการแข่งขันด้านราคาในตลาดโลกที่สูงขึ้นในอนาคต

 

สำหรับแผนการพัฒนานิคมฯยางพารา (rubber city) ตั้งอยู่ในเฟส 2/2 และ 3 ของนิคมฯภาคใต้ จ.สงขลา บนพื้นที่ 755 ไร่ คาดว่าจะมีผู้ประกอบการเริ่มเข้ามาก่อสร้างโรงงานได้ในเดือน ก.ย.2559 และจะเริ่มประกอบกิจการภายในเดือน ก.ค.2560

 

ในส่วนการวางระบบสาธารณูปโภคนั้น ทาง กนอ.มีแผนที่จะเริ่มก่อสร้างในช่วงเดือน มี.ค.2559 โดยแบ่งออกเป็น 2 พื้นที่ คือ โซนเอ (Zone A) และ โซนบี (Zone B) คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน เม.ย.2560 และจะสามารถดำเนินการแล้วเสร็จในการวางระบบสาธารณูปโภคทั้งหมดในเดือนปี ม.ค.2561 ทั้งนี้ กนอ. ตั้งเป้าหมายโรงงานที่จะเข้ามาลงทุนภายในนิคมฯยางพาราทั้งสิ้น 70 โรงงาน ภายใน 5 ปี รวมมูลค่าเม็ดเงิน ไม่ต่ำกว่า 8,000 ล้านบาท

 

ส่วนความคืบหน้าในด้านการดึงดูดนักลงทุน และการเตรียมความพร้อมของนักลงทุนที่จะเข้ามา กนอ.ได้เตรียมเดินสายโรดโชว์กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ให้เห็นถึงความคืบหน้าในแผนการก่อสร้างและการบริหารจัดการ

 

ทั้งนี้ ประเทศไทยถือว่ามีศักยภาพในด้านภูมิศาสตร์ เป็นศูนย์กลางระบบโลจิสติกส์ของภูมิภาค ส่วนพื้นที่การเพาะปลูกยางนั้นนอกเหนือจากในประเทศแล้ว ยังมีประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นแหล่งเพาะปลูก ซึ่งจะสามารถเชื่อมโยงแหล่งวัตถุดิบป้อนให้กับโรงงานในอนาคตได้

 

Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics