การเงินการลงทุน - นางสาวปิยนุช มริตตนะพร ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน บมจ.ซีเค พาวเวอร์ (CKP) เปิดเผยว่า บริษัทฯ กำลังพิจารณาพื้นที่เพื่อลงทุนตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานเสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) หลายพื้นที่ นอกจากนี้ ยังมีผู้ยื่นเสนอให้บริษัทเข้าร่วมลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล และโรงไฟฟ้าขยะ ทั้งนี้ เป็นไปตามแผนของบริษัทฯ ที่จะเพิ่มกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน 100 เมกะวัตต์ ในช่วง 1-2 ปีนี้

การลงทุนดังกล่าวจะไม่รวมอยู่ในงบลงทุนที่บริษัทฯ ตั้งไว้แล้วในช่วงปี 2558-2560 ราว 3,000 ล้านบาท ในการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมเฟส 2 ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำบาก แต่หากมีการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนเพิ่มเติมบริษัทฯ ยังมีความสามารถกู้เงินจากสถาบันการเงินได้อีก เพราะปัจจุบันมีอัตราหนี้สินต่อทุนต่ำอยู่ที่ 0.9% (งบรวม)

สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม เฟส 2 ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน กำลังการผลิต 120 เมกะวัตต์ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท โดยได้ว่าจ้าง บมจ.ช.การช่าง (CK) เป็นผู้ก่อสร้าง คาดว่าจะเซ็นสัญญาภายในสิ้นปีนี้ และจะเริ่มก่อสร้างต้นปี 2558 มีกำหนดจ่ายไฟฟ้า (COD) กลางปี 2560

ส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำบาก ใน สปป.ลาว กำลังการผลิต 160 เมกะวัตต์ คงเลื่อนการเซ็นสัญญาสัมปทานและซื้อขายไฟฟ้าออกไปต้นปี 2558 จากเดิมคาดว่าจะเซ็นสัญญาในสิ้นปีนี้ แต่เชื่อว่าจะไม่กระทบแผนในภาพรวม

"ในปี 2557 บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 7,000 ล้านบาท หรือเติบโต 30% จากปีก่อน โดยในไตรมาส 3/2557 นี้จะเป็นไตรมาสที่มีผลประกอบการดีที่สุดในรอบปี เนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝนให้การผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 ที่ สปป.ลาว ดีขึ้น หลังจากไตรมาส 2/2557 เป็นฤดูแล้ง" นางสาวปิยนุช กล่าว