FINANCE & INVESTMENT

SPGC รุกหนักพลังงานแสงอาทิตย์ในต่างประเทศ
POSTED ON 30/09/2557


การเงินการลงทุน - นายสมศักดิ์ กุญชรยาคง กรรมการผู้จัดการ บริษัท โซล่าร์ เพาเวอร์ จำกัด ในกลุ่มบริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างขยายตลาดการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) ในประเทศเมียนมาร์และมาเลเซีย เนื่องจากปริมาณการผลิตไฟฟ้าของประเทศดังกล่าวยังไม่เพียงพอ ยังประสบปัญหาไฟฟ้าตกและดับ ดังนั้น แผนขยายตลาดในครั้งนี้จึงได้รับความสนใจจากลูกค้าจำนวนมาก โดยบริษัทฯ ตั้งเป้ากำลังการผลิตติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปที่เมียนมาร์จำนวน 100 เมกะวัตต์ และมาเลเซีย 50 เมกะวัตต์ในปี 2558

 

สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) ที่ญี่ปุ่น บริษัทฯ ได้ร่วมลงทุนกับ บริษัท เคียวเซร่าฯ เพื่อลงทุนโซลาร์ฟาร์ม ปัจจุบันเดินหน้าไปแล้ว 25 เมกะวัตต์ จากที่ได้มาทั้งสิ้น 250 เมกะวัตต์ จะใช้เวลา 2-3 ไตรมาสจะแล้วเสร็จ และคาดว่ามีโอกาสที่จะได้รับงานเพิ่มขึ้น เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลญี่ปุ่นเปิดให้ลงทุนพลังงานทดแทน 2,500 เมกะวัตต์ ซึ่งเคียวเซร่าฯ ก็นับว่าเป็นรายใหญ่เช่นกัน อย่างไรก็ตาม แผนขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าในระยะยาว บริษัทฯ ตั้งเป้าขยาย 250 เมกะวัตต์ต่อปี ซึ่งมาจากโครงการทั้งในและต่างประเทศ

 

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า โครงการก่อสร้างโซลาร์ฟาร์มที่ได้รับใบอนุญาตก่อสร้าง 36 ใบ กำลังการผลิต 260 เมกะวัตต์ ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้วตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2557 ที่ผ่านมา โดยได้รับส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (แอดเดอร์) 8 บาท และคาดว่าจะยังไม่มีโครงการใหม่เพิ่มเติม เพราะรัฐไม่ได้เปิดรับซื้อไฟฟ้าใหม่ แต่เป็นเพียงการเปิดให้ผู้มีใบอนุญาตแล้วเดินตามแผน ขณะเดียวกันก็ปรับลดราคารับซื้อไฟฟ้าตามต้นทุนจริง (ฟีดอินทาริฟ) เหลือ 5.66 บาทต่อหน่วย ทำให้ความน่าสนใจลงทุนลดลง เพราะเป็นอัตราที่ค่อนข้างตรึงเกินไป ซึ่งผู้ประกอบการบางรายก็ไม่สามารถดำเนินการได้

 

ทั้งนี้ ส่วนตัวยังมองว่าหากรัฐต้องการผลงานคุณภาพดี และสามารถการันตีได้เกิน 25 ปี จะต้องใช้วัสดุที่ดีมีคุณภาพ ทำให้ต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 70-80 ล้านบาทต่อเมกะวัตต์ ซึ่งยกตัวอย่างเคียวเซร่าฯ ติดตั้งมาแล้ว 29 ปี ศักยภาพการผลิตไฟฟ้าลดลงเพียง 8.6% เท่านั้น แต่หากรัฐต้องการให้ฟีดอินฯ ราคาต่ำ ผู้ประกอบการก็จะใช้สินค้าด้อยคุณภาพ ประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าก็ไม่เต็มที่

 

ด้าน นางสาววันดี กุญชรยาคง ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะตั้งโรงงานประกอบแผงเซลล์ในประเทศไทย ขนาดกำลังการผลิต 1,000 กิโลวัตต์ต่อปี โดยการร่วมทุนกับพันธมิตร ซึ่งบริษัทฯ จะเข้าไปถือหุ้นประมาณ 10% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท ขณะนี้ที่อยู่ระหว่างการขอใบอนุญาต คาดว่าจะชัดเจนในช่วงต้นปี 2558

 

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ