ENVIRONMENT

อุตฯคุมเข้มโรงงาน-เหมืองที่ไม่ได้มาตรฐานสิ่งแวดล้อม
POSTED ON 09/12/2558


สิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม 9 ธ.ค.2558 - นายอาทิตย์ วุฒิคะโร ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า "หลังจากที่มีการร้องเรียนโรงงานและเหมืองแร่มายังรัฐบาลและกระทรวงอุตสาหกรรมอยู่บ่อยครั้ง รวมทั้งที่ปรากฏเป็นข่าวผ่านสื่อต่างๆ มากมายนั้น ทางกระทรวงอุตสาหกรรมจะเร่งยกระดับการกำกับดูแลที่เข้มข้นขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้การประกอบกิจการโรงงานและเหมืองแร่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชน รวมถึงเป็นการสร้างความไว้วางใจระหว่างโรงงานและประชาชน ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งในการรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ของรัฐบาล ทั้งนโยบายคลัสเตอร์อุตสาหกรรม และการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษด้วย"

 

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2558 ที่ผ่านมา ได้มีหนังสือเรียนอุตสาหกรรมจังหวัดทุกจังหวัด ขอให้สอดส่อง ตรวจตรา ติดตาม และกำกับดูแลสถานประกอบการให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยให้ดำเนินการ 3 อย่าง คือ (1) จัดทำแผนการตรวจ กำกับ ดูแลสถานประกอบกิจการโรงงานและเหมืองแร่ ส่งให้กระทรวงอุตสาหกรรมภายในวันที่ 11 ธ.ค.2558 (2) ดำเนินการตรวจ กำกับ ดูแลตามแผนการตรวจดังกล่าว และแจ้งเตือนสถานประกอบการในพื้นที่ให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด กรณีพบการกระทำผิดให้ดำเนินการสั่งการและดำเนินคดีตามกฎหมายทุกรายไม่มีข้อยกเว้น และ (3) จัดส่งรายงานผลการตรวจดังกล่าวทุกวันที่ 5 ของเดือนถัดไป โดยครั้งแรกให้รายงานภายในวันที่ 5 ม.ค.2559 ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมจะมีทีมงานติดตามประเมินผลอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นไป และหากปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหรือผู้บังคับบัญชาปล่อยปละละเลยจะถือเป็นการละเลยต่อหน้าที่ และจะได้ดำเนินการกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด เช่น การย้ายมาช่วยราชการที่ส่วนกลาง และรวบรวมเป็นผลงานในการแต่งตั้งโยกย้าย หรือสั่งสอบด้านวินัย เป็นต้น

 

ส่วนกรณีที่มีประชาชนร้องเรียนโรงงานใน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เข้ามานั้นได้ ทางกระทรวงอุตสาหกรรมมอบหมายให้ นายพิสิฐ รังสฤษฏ์วุฒิกุล ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นหัวหน้าทีมลงพื้นที่ พร้อมด้วยข้าราชการในพื้นที่ผลการตรวจโรงงาน 12 แห่ง ซึ่งพบว่ามีโรงงาน 3 แห่ง ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ได้แก่

 

1. บริษัท ออสเตรเลีย เฟอร์ติไลซ จำกัด ประกอบกิจการผสม แบ่งบรรจุปุ๋ยชีวภาพและเคมีเพื่อการเกษตร พบว่า ไม่มีระบบขจัดกลิ่นไอสารเคมี และระบบบำบัดน้ำเสียมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอ ได้สั่งการตามมาตรา 39 วรรคหนึ่ง ให้หยุดประกอบกิจการโรงงานในส่วนที่มีการแบ่งบรรจุผลิตภัณฑ์ มีกำหนด 45 วันนับแต่วันที่ทราบคำสั่ง และให้ติดตั้งระบบขจัดกลิ่นไอสารเคมีและปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสียให้มีประสิทธิภาพเพียงพอ

 

2. บริษัท รวีภัทร ไบโอเทค จำกัด ประกอบกิจการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยเคมี และปุ๋ยอินทรีย์ผสมปุ๋ยเคมี และแบ่งบรรจุปุ๋ย มีปัญหาเรื่องฝุ่นละออง ได้สั่งการตามมาตรา 39 ให้ปรับปรุงแก้ไขโรงงาน โดยให้จัดหามาตรการในการจัดการเรื่องฝุ่นละอองที่เกิดขึ้นจากกระบวนผลิตและกองวัตถุดิบให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 18 ม.ค.2559

 

3. บริษัท เบสท์ ไทย อโกรเทค จำกัด ประกอบกิจการผลิตปุ๋ยอินทรีย์และผสมปุ๋ยเคมี พบระบบขจัดฝุ่นละอองชำรุด ได้สั่งการตามมาตรา 39 ให้ปรับปรุงแก้ไขระบบบำบัดมลพิษทางอากาศให้มีประสิทธิภาพให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมก่อนระบายออกนอกโรงงานให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 18 ม.ค.2559 เป็นต้น

 

Tags : อุตสาหกรรม, ข่าวอุตสาหกรรม, สื่ออุตสาหกรรม, โรงงาน, เครื่องจักรกล, การผลิต, พลังงาน, โลจิสติกส์, Industry, Industrial, Industrial News, Industrial Media, Factory, Machinery, Machine, Manufacturing, Energy, Logistics