ENVIRONMENT

กรมโรงงานฯเข้ม รถขนกากอุตฯอันตรายทุกคันต้องติด GPS
POSTED ON 17/03/2558


สิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม - หนังสือพิมพ์เดลินิวส์รายงานว่า นายพสุ โลหารชุน อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยม บริษัท อัคคีปราการ จำกัด (มหาชน) ผู้รับสัมปทานกำจัดกากอุตสาหกรรมว่า ได้แจ้งให้ผู้ประกอบการกำจัดกากอุตสาหกรรมทุกรายต้องติดตั้งระบบจีพีเอสในรถบรรทุกขนส่งกากอุตสาหกรรมอันตรายทุกคันภายในสิ้นเดือน ก.ย.2558นี้ ซึ่งเบื้องต้นมีประมาณ 3,400 คัน เพื่อติดตามการขนส่งกากฯ อันตรายว่านำไปกำจัดในสถานที่กำหนดหรือไม่ และเป็นข้อบังคับตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 หากพบว่า ผู้ประกอบการขนส่งกากฯ อันตรายไม่ติดตั้งระบบจีพีเอส จะมีโทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

"ใน พ.ร.บ.วัตถุอันตรายมีข้อบังคับมานานแล้ว ให้รถที่ขนส่งกากฯอันตรายจะต้องติดตั้งระบบจีพีเอส แต่ที่ผ่านมากรมฯยังไม่ได้รับงบประมาณในการติดตั้งระบบรับสัญญาณจีพีเอส จึงยังไม่เข้มงวด ตอนนี้ยังเป็นความสมัครใจของผู้ประกอบการ ส่วนมากบริษัทใหญ่ๆ ก็จะมีการติดตั้งอยู่แล้ว ทั้งนี้ ล่าสุดกรมฯได้รับงบประมาณในการติดตั้งระบบรับสัญญาณจีพีเอส 14 ล้านบาทแล้ว กรมฯจึงจะเข้มงวดกับรถขนส่งกากฯอันตรายทุกคันจะต้องติดตั้งระบบจีพีเอส เพื่อตรวจสอบการกำจัดในสถานที่ และวิธีการที่ถูกต้องได้ ป้องกันปัญหาการลักลอบนำกากฯอันตรายไปทิ้งในสถานที่ที่ไม่เหมาะสม เช่น ชุมชนต่างๆ โดยค่าติดตั้งประมาณคันละ 20,000 บาท" อธิบดีกรมโรงงานฯ กล่าว

 

สำหรับกาก มีพิษ ที่กรมฯควบคุมให้กำจัดอย่างถูกต้องในสถานที่รับกำจัดโดยเฉพาะ เช่น ตะกอนโลหะหนัก สารเคมีที่ไม่ใช้แล้ว ตะกอนเคมี สารทำละลาย ผ้าปนเปื้อนสารเคมี เพราะหากกำจัดไม่ถูกวิธี จะมีอันตรายต่อชุมชนที่ลักลอบไปทิ้งอย่างมาก ซึ่งหลังจากกรมฯ ติดตั้งระบบรับสัญญาณจีพีเอสแล้ว ต่อไป กรมฯ จะได้รับทราบข้อมูลของรถขนกากฯ อันตรายทุกคันว่า นำไปทิ้งในสถานที่เตรียมไว้หรือไม่ เพราะหากมีการขับออกนอกเส้นทางกรมฯ จะทราบข้อมูล และเข้าไปตรวจสอบได้ทันที ขณะเดียว  กันผู้ประกอบการสามารถตรวจสอบพนักงานด้วยว่า ขับนอกเส้นทางหรือไม่

 

อย่างไรก็ตาม ปีนี้ นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รมว.อุตสาหกรรม ได้ตั้งเป้าหมายการกำจัดกากอุตสาหกรรมอันตรายเข้าสู่ระบบ 1.2 -1.5 ล้านตัน จากที่มีในระบบ 3.35 ล้านตัน โดยปีก่อนนำกากฯอันตรายเข้าสู่ระบบได้ประมาณ 1 ล้านตัน ซึ่งกระทรวงฯ เตรียมเสนอแผนจัดการกากอุตสาหกรรมระยะ 5 ปี (2558-2562) เข้าสู่ที่ประชุม ครม.ภายในเดือนนี้ เพื่อนำกากฯอันตรายเข้าระบบให้ได้ไม่ต่ำกว่า 90%

 

ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์ที่จะนำเสนอ เช่น การกำกับดูแล การบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม ติดตามการต่ออายุใบอนุญาตโรงงานที่ขาดการจัดการกากอุตสาหกรรม, การปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย เข้มงวดกับผู้ฝ่าฝืน การอำนวยความสะดวกกับผู้ปฏิบัติตาม, การสร้างความร่วมมือ แรงจูงใจให้นำกากอุตสาหกรรมเข้าระบบ และการสนับสนุนจากเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงการจัดทำแผนพัฒนาพื้นที่รองรับกากอุตสาหกรรม 6 แห่งทั่วทุกภาค สำหรับอนาคต 20-30 ปี และแผนการจัดการแผงโซลาร์เซลล์ที่จะหมดอายุใน 20 ปีข้างหน้า คาดว่าจะมีปริมาณสูงกว่า 200,000 ตัน

 

ขณะที่ทางด้าน นายวันชัย เหลืองวิริยะ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.อัคคีปราการ กล่าวว่า ปีที่ผ่านมาบริษัทฯได้กำจัดกากฯ 90,000-100,000 ตัน เพิ่มขึ้นเพียง 5% ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เพิ่มขึ้น 20% เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้กากฯลดลง แต่เชื่อว่าหลังจากภาครัฐเข้มงวดในการนำกากฯอันตรายเข้าสู่ระบบ จะทำให้ปริมาณกากฯ เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน โดยเตาเผากากฯของบริษัทสามารถเผาทำลายในแต่ละวันได้มากกว่า 50 ตันต่อวัน