ENVIRONMENT

Peabody แนะใช้เทคโนโลยีถ่านหินขั้นสูงเพื่อสิ่งแวดล้อม
POSTED ON 01/10/2557


สิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม - Peabody Energy บริษัทถ่านหินภาคเอกชนที่ใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นการทำเหมืองแร่ การเข้าถึงพลังงาน และถ่านหินสะอาดแบบยั่งยืน ได้ออกมาเรียกร้องให้มีการใช้เทคโนโลยีถ่านหินขั้นสูงมากขึ้น เพื่อต่อสู้กับความไม่สมดุลทางพลังงาน และปรับปรุงการปล่อยมลพิษ ในการอภิปรายที่ชูประเด็นเรื่องคาร์บอนและสภาพภูมิอากาศ

 

นายเกรกอรี่ เอช บอยซ์ ประธาน และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Peabody Energy กล่าวว่า “ถึงเวลาที่เราต้องยอมรับว่าการขาดแคลนพลังงานเป็นวิกฤตร้ายแรงที่สุดที่เราเผชิญ และปฏิเสธการเตือนเรื่องสภาพภูมิอากาศแบบตื่นตูมที่ทำให้แนวทางการแก้ปัญหาด้านการเข้าถึงพลังงาน ซึ่งจะช่วยพัฒนาด้านสุขภาพ ความยืนยาว และคุณภาพชีวิตของพลเมืองหลายสิบล้านคนทั่วโลกนั้นมีอันต้องหยุดชะงัก ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดในการลดปริมาณคาร์บอนและส่งเสริมการพัฒนามนุษย์ คือ การเร่งใช้เทคโนโลยีถ่านหินขั้นสูงที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้เกิดการปรับปรุงด้านสภาพแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง”

 

นับเป็นเวลามากกว่าหนึ่งทศวรรษที่สหประชาชาติได้ผลักดันเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (Millennium Development Goals) เพื่อลดความยากจนทั่วโลกลงครึ่งหนึ่งให้ได้อย่างรวดเร็วภายในปี พ.ศ.2558 ปัจจุบันประชากร 3,500 ล้านคนดำรงชีวิตโดยปราศจากการเข้าถึงพลังงานอย่างเพียงพอ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนครึ่งหนึ่งของประชากรโลก โดยประชากรหลายพันล้านคนในเอเชียใต้และแอฟริกาใต้ยังคงใช้เวลาออกหาไม้หรือชีวมวล เพื่อนำมาเป็นเชื้อเพลิงในการทำอาหาร หรือเพิ่มความอบอุ่นให้ที่อยู่อาศัย ทั้งนี้ ควันไฟที่เกิดขึ้นภายในบ้านแต่ละวันนั้นเป็นอันตราย เนื่องจากจะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อสุขภาพ โดยประมาณการว่ามลพิษทางอากาศในครัวเรือนอันเนื่องมาจากควันไฟภายในบ้านเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับที่ 4 ในโลก

 

นายบอยซ์กล่าวว่าตัวเลือกเชื้อเพลิงและนโยบายมีความสำคัญ ดังเห็นได้จากความเคลื่อนไหวทั่วโลก ดังนี้

 

● ออสเตรเลีย ยกเลิกภาษีคาร์บอน ซึ่งนายกรัฐมนตรีระบุว่าเป็น ภาษีที่บ่อนทำลายและไร้ประโยชน์ ซึ่งได้สร้างความเสียหายต่อการจ้างงาน ส่งผลเสียถึงค่าครองชีพของภาคครัวเรือน และแทบไม่ได้ช่วยให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น

● ญี่ปุ่น เพิ่มการสนับสนุนโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินทั้งในและต่างประเทศ โดยเรียกร้องให้มีการใช้เทคโนโลยีถ่านหินขั้นสูงมากขึ้น เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

● นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอินเดีย ให้คำมั่นว่าทุกครัวเรือนจะมีไฟฟ้าใช้ภายในปี 2565

● จีน กำลังใช้เทคโนโลยีเพื่อลดการปล่อยมลพิษ และเป็นผู้ใช้ถ่านหินรายใหญ่ที่สุดของโลก

● แคนาดา กำลังลดการปล่อยมลพิษ โดยไม่ลงโทษปรับภาษีคาร์บอน

● ยุทธศาสตร์พลังงานทดแทนของยุโรปกำลังหยุดชะงัก เนื่องจากความมั่นคงด้านพลังงานของทวีปถูกท้าทายโดยรัสเซีย

 

“ในขณะที่โลกกำลังผลิตไฟฟ้า 500 เมกะวัตต์จากโรงไฟฟ้าถ่านหินในทุกๆ 3 วัน กลับมีเสียงเรียกร้องจากนักลงทุนทั่วโลกกลุ่มเล็กๆ ให้เลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งถือเป็นการชักนำที่ผิด และต่อต้านคนยากคนจน” นายบอยซ์ กล่าว “นักลงทุนทุกคนควรเรียกร้องให้มีการใช้ถ่านหินขั้นสูงมากขึ้น เพื่อบรรเทาความขาดแคลนพลังงาน และขับเคลื่อนผลประโยชน์หลักในด้านสิ่งแวดล้อม”

 

เชื้อเพลิงฟอสซิลช่วยให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีและยืนยาวขึ้น ผลการศึกษาหลายต่อหลายครั้งแสดงให้เห็นว่า ถ่านหินเป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจโลก โดยการใช้ถ่านหินปริมาณมากขึ้นมีความสัมพันธ์โดยตรงกับผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ที่สูงขึ้น และจากผลการศึกษา “The Social Costs of Carbon? No, the Social Benefits of Carbon” โดย Management Information Systems พบว่า ประโยชน์ของพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลที่มีต่อสังคมนั้นมากกว่าต้นทุนทางสังคมของคาร์บอนในปริมาณ 50 ต่อ 500 เท่า

 

“เรามีความวิตกกังวลอย่างมากเกี่ยวกับนโยบายพลังงานไฟฟ้าที่ผิดพลาด ซึ่งจะขจัดพลังงานไฟฟ้าสะอาดและมีประสิทธิภาพจากถ่านหิน ซึ่งใช้ผลิตไฟฟ้ามากกว่า 40% ในสหรัฐอเมริกาและมีการปล่อยมลพิษลดลงเรื่อยๆ” นายบอยซ์ กล่าว “ผลการศึกษาต่างๆ ชี้ชัดว่านโยบายเหล่านี้ หากประกาศใช้เป็นกฎหมาย ก็มีแต่จะทำให้ราคาสูงขึ้น เพิ่มความเสี่ยงเรื่องความน่าเชื่อถือ และไม่ทำให้เกิดความคืบหน้าภายใต้ทฤษฎีสภาพภูมิอากาศ นโยบายเหล่านี้ทำลายอาชีพการงานในภาคการผลิต เพิ่มความขาดแคลนทางพลังงาน ทำร้ายประชาชน และทำลายความหวังสำหรับชีวิตที่ดีกว่า”

 

ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่าถ่านหินจะกระตุ้นการขยายตัวทางพลังงานได้มากกว่าเชื้อเพลิงอื่นๆ ในอีก 20 ปีข้างหน้า โดยอ้างอิงจากแผนนโยบายปัจจุบันของทบวงพลังงานระหว่างประเทศ และคาดว่าหลายเมืองจะมีประชากรเพิ่มขึ้นปีละมากกว่า 70 ล้านคนจนถึงปี 2563 เนื่องจากประชากรยังคงต่อสู้กับความยากจนด้วยการอพยพเข้าสู่ศูนย์กลางเมือง ถ่านหินมีราคาแพงน้อยที่สุด และเป็นรูปแบบหลักของการผลิตพลังงานไฟฟ้าที่เชื่อถือได้มากที่สุด เพื่อตอบสนองความต้องการทางพลังงานที่เพิ่มขึ้น ธนาคารโลกได้กล่าวเช่นกันว่า ถ่านหินจะมีความสำคัญในการช่วยให้แอฟริกาบรรลุความต้องการด้านพลังงาน

 

ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงหลักที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วที่สุดของโลกมานานกว่าหนึ่งทศวรรษ และคาดว่าจะมาแทนที่น้ำมัน ในฐานะแหล่งพลังงานขนาดใหญ่ที่สุดของโลกในหลายปีที่จะถึงนี้ ไม่มีแหล่งพลังงานใดมีขนาดและคุณลักษณะต้นทุนต่ำแบบถ่านหิน ที่จะตอบสนองความต้องการหลายประการของสังคมได้