แชร์ แนะผู้ผลิตไทยใช้ "คาร์บอนฟุตพริ้นท" อย่างจริงจัง เพื่อสู้ตลาดโลก POSTED ON 23/06/2557 สิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม - นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.) เปิดเผยว่า จากการกีดกันทางการค้าหลายรูปแบบ ส่งผลให้ต้นทุนการส่งออกของผู้ประกอบการไทยเพิ่มขึ้น ตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะความต้องการของลูกค้าที่เลือกสินค้าและบริการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้น การเพิ่มโอกาสในธุรกิจการค้าระดับโลก ด้วยการใช้ฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ จึงเป็นที่น่าสนใจมากขึ้นจากภาคอุตสาหกรรมการผลิต เนื่องจากเป็นความต้องการของตลาดโลกในเรื่องห่วงโซ่อุปทานสีเขียว (Green Supply Chain) มีมากขึ้น “ผู้ส่งออกมักมองข้าม ไม่มองไกลถึงความสำคัญของการจัดทำฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสทางการค้า และเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดให้มากขึ้น กรมฯ ขอให้ผู้ส่งออกไทยตระหนักและปรับตัวก่อนที่จะเสียโอกาสให้แก่ผู้ผลิตที่มีความพร้อม และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปสู่การให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น” นางนันทวัลย์ กล่าว ทั้งนี้ เนื่องจากการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อลดภาวะโลกร้อน กำลังจะกลายเป็นหน้าที่ของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ทั้งภาคอุตสาหกรรม และภาคเกษตรกรรม ในฐานะผู้ผลิต ภาคบริการในฐานะผู้ขับเคลื่อนกิจกรรม รวมถึงภาคประชาชน ในฐานะผู้บริโภคการเลือกซื้อสินค้าหรือบริการ นายศิริธัญญ์ ไพโรจน์บริบูรณ์ ที่ปรึกษา สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย กล่าวว่า มาตรการด้านสิ่งแวดล้อมเป็นแนวโน้มการกีดกันทางการค้ารูปแบบหนึ่งที่ผู้ประกอบการไทยต้องตื่นตัว และเตรียมความพร้อมในการรับมือ หากไทยดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับคาร์บอนฟุตพริ้นท์อย่างจริงจัง และมีการเก็บรวบรวมฐานข้อมูลที่ชัดเจน จะช่วยให้ไทยมีอำนาจต่อรองในประเด็นการแก้ไขภาวะโลกร้อนในเวทีระดับโลกได้ นอกจากนี้ ฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่แสดงถึงปริมาณการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดสายการผลิตแล้ว ยังเป็นแรงผลักดันให้ผู้ผลิตสินค้าหรือบริการ พยายามหาช่องทางการปรับปรุงและพัฒนาสินค้าของตนให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีการใช้ทรัพยากรและวัตถุดิบอย่างมีคุณค่ามากที่สุด การประเมินสถานะและการขอรับการรับรองฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ จะเป็นแรงผลักดันให้ก้าวไปสู่การพัฒนาสินค้าและบริการอย่างยั่งยืน