พลังงานอุตสาหกรรม - นายพิชัย ถิ่นสันติสุข ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้การลงทุนกิจการพลังงานทดแทนทั้งระบบไม่ว่าจะเป็นการผลิตไฟฟ้าจากขยะชีวมวล พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ ที่เป็นการลงทุนใหม่ต้องชะงักไปจนกว่าการเมืองของไทยจะชัดเจน และล่าสุดจากการหารือกับเอกชน ทางสถาบันการเงินเริ่มส่งสัญญาณในเรื่องเข้มงวดการปล่อยกู้กับกิจการไฟฟ้า เพื่อลดปัญหาความเสี่ยงทางการเมือง

“การเมืองทำให้สถาบันการเงินส่งสัญญาณการปล่อยกู้กับกิจการไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่เข้มงวดและให้วงเงินที่ลดลง แถมยังระบุให้ทําประกันความเสี่ยงมากขึ้นด้วย เพราะสภาพการเมืองไทยมีการปิดล้อม การทํางานราชการอาจมีผลต่อโรงไฟฟ้าได้เช่นกัน” นายพิชัย กล่าว

สําหรับนโยบายสําคัญที่ผู้ประกอบการด้านพลังงานทดแทนยังคงต้องรอความชัดเจนจากรัฐบาลใหม่ ได้แก่ พลังงานชีวมวลในส่วนของค่าไฟฟ้าเพื่อส่งเสริมพลังงานหมุนเวียนที่ปรับเป็นค่าสนับสนุนเงินตามการลงทุนที่แท้จริง หรือฟีดอินทารีฟ จากเดิมเป็นส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า หรือแอดเดอร์ ที่ขณะนี้ยังไม่ได้ผ่านคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งทําให้การผลิตไฟฟ้าชีวมวลเองก็ต้องรอนโยบายดังกล่าว

ทั้งนี้ การพัฒนาพลังงานทดแทนนั้น ในปี 2556 ที่ผ่านมา มีสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนต่อการใช้พลังงานของประเทศอยู่ที่ร้อยละ 10.9 เพิ่มขึ้นจากปี 2555 ที่มีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 9.9 โดยส่วนใหญ่เป็นการผลิตไฟฟ้าและการผลิตความร้อนจากชีวมวล ซึ่งในปี 2556 มีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนทั้งสิ้น 3,503 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นจากปี 2555 ที่มีปริมาณ 2,633 เมกะวัตต์ โดยเป็นไฟฟ้าจากชีวมวลทั้งสิ้น 2,230 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นจากปี 2555 ที่มีการผลิตจำนวน 1,956 เมกะวัตต์ รองลงมาคือ ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ 635 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นจากปี 2555 ที่มีจำนวน 250 เมกะวัตต์ ส่วนการผลิตความร้อนจากพลังงานทดแทน อยู่ที่ 5,335 KTOE เพิ่มขึ้นจากปี 2555 ที่อยู่ที่ 4,885 KTOE

ส่วนการใช้เชื้อเพลิงจากชีวภาพจากพลังงานทดแทน อยู่ที่ 5.31 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปี 2555 ซึ่งมีปริมาณ 3.83 ล้านลิตรต่อวัน โดยแบ่งเป็นเอทานอล อยู่ที่ 2.53 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปี 2555 ที่อยู่ที่ 1.29 ล้านลิตรต่อวัน และไบโอดีเซล อยู่ที่ 2.78 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปี 2555 ที่มีปริมาณ 2.54 ล้านลิตรต่อวัน