ENERGY

สนพ.ชี้ ผู้ค้า LPG รับค่าการตลาดสูงกว่าที่ประกาศ มอบสถาบันปิโตรฯ เร่งศึกษา
POSTED ON 27/01/2557


พลังงานอุตสาหกรรม - แหล่งข่าวกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ได้มอบหมายให้สถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ทำการศึกษาค่าการตลาดของน้ำมันและก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ใหม่ จากปัจจุบัน ผู้ค้าแอลพีจีได้รับค่าการตลาดอยู่ 3.25 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนค่าการตลาดน้ำมันอยู่ที่ 1.50 บาทต่อกิโลกรัม โดยในส่วนของแอลพีจีต้องมีการพิจารณาว่าค่าการตลาดที่ผู้ค้าได้รับเหมาะสมหรือไม่ เพราะหากได้กำไรมากเกินไปจะสะท้อนออกมาในรูปแบบของการเปิดให้บริการปั๊มเพิ่มขึ้นมากอย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันปั๊มแอลพีจีมีมากถึง 1,604 ปั๊มทั่วประเทศ

 

สถานบันฯ จะทำการตรวจสอบค่าการตลาดของผู้ค้าแอลพีจีตั้งแต่โรงบรรจุจนถึงมือผู้บริโภค โดยแบ่งการตรวจสอบเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มปั๊มแอลพีจีกลุ่มโรงบรรจุแอลพีจี และร้านค้าปลีกแอลพีจีครัวเรือน ว่าแต่ละกระบวนการได้รับค่าการตลาดอยู่เท่าใด เพื่อนำข้อมูลเสนอต่อ สนพ.กำหนดเป็นนโยบายต่อไป

 

ในเบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่าค่าการตลาดที่ผู้ค้าได้รับสูงกว่าค่าการตลาดที่ สนพ.ประกาศไว้ 3.25 บาทต่อกิโลกรัม อีกทั้งค่าการขนส่งแอลพีจีในท้องตลาดไม่ตรงกับที่กรมการค้าภายในประกาศไว้ ดังนั้นจะมีการนำค่าการตลาดที่ตรวจสอบได้ไปหารือกับภาครัฐ เพื่อให้ตัวเลขตรงตามความเป็นจริง โดยคาดว่าสัปดาห์นี้จะได้ตัวเลขค่าการตลาดแอลพีจีที่เหมาะสมได้ จากนั้นทางสถาบันฯ จะเปิดประชาพิจารณ์รับฟังความเห็นของผู้ประกอบการโรงบรรจุก๊าซ ผู้ประกอบการปั๊มแอลพีจี และผู้ประกอบการร้านค้าปลีกแอลพีจีครัวเรือน ก่อนนำเสนอข้อมูลให้กับ สนพ.พิจารณา

 

แหล่งข่าว กล่าวว่า สำหรับค่าการตลาดของผู้ค้าน้ำมันนั้นเป็นการศึกษาเพื่อหาตัวเลขค่าการตลาดที่เหมาะสมกับปัจจุบัน และต้องให้ผู้ประกอบการดำเนินธุรกิจอยู่ได้ โดยมีปั๊มทั้งหมดกว่า 2 หมื่นปั๊ม เป็นปั๊มแบรนด์เนมกว่า 4-5 พันแห่ง ซึ่งในระยะหลังเริ่มมีการปิดธุรกิจปั๊มน้ำมันมากขึ้นจากค่าการตลาดที่ต่ำ ทั้งนี้ สถาบันฯ จะมีการศึกษาค่าการตลาดน้ำมันเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อเป็นตัวอย่างวิเคราะห์ค่าการตลาดน้ำมันทั้งประเทศ โดยจะใช้เวลาเก็บตัวอย่างข้อมูลจากปั๊มน้ำมันต่างๆ ประมาณ 3 เดือน ก.ย.-พ.ย.2556 ก่อนวิเคราะห์ค่าการตลาดที่เหมาะสมและเสนอต่อ สนพ.ต่อไป

 

อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาค่าการตลาดทั้งแอลพีจีและน้ำมันที่เหมาะสมนั้น ทางสถาบันฯ จะรวบรวมข้อมูลเพื่อนำเสนอ สนพ.เท่านั้น ส่วนการตัดสินใจว่าจะเลือกใช้ค่าการตลาดที่เท่าใดเป็นหน้าที่ของรัฐบาล เพราะการกำหนดค่าการตลาดจะมีผลต่อการเกิดขึ้นหรือจากไปของธุรกิจปั๊มน้ำมันและปั๊มแอลพีจีด้วย